BBL Asset Management Co., Ltd.
Awards Winner in Best Fund House: Domestic Equity
บลจ. บัวหลวงชื้อนี้คงคุ้นหูนักลงทุนกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้บลจ. บัวหลวงเข้าไปอยู่ในใจนักลงทุนตลอดช่วงหลังที่ผ่านมานี้เห็นจะเป็นความสำเร็จในการลงทุนที่ส่งผ่านต่อไปยังผู้ลงทุนที่เป็นลูกค้าของกองทุนหุ้นของ บลจ. บัวหลวง ดังจะเห็นได้จากขนาดของกองทุนหุ้นภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นมากอย่างโดดเด่นและยังคงรักษาผลตอบแทนในอันดับต้นๆของอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ บลจ.บัวหลวง คว้ารางวัล บริษัทจัดการกองทุนยอดเยี่ยมประเภทการลงทุนหุ้นในภายประเทศ (Domestic Equity) ไปครอง
ปัจจุบัน บลจ. บัวหลวง มีกองทุนหุ้น 17 กองทุน มูลค่ารวมกันกว่า 103,615 ล้านบาท ซึ่งแต่ละกองทุนต่างมีแนวทางลงทุนเฉพาะของตัวเองเพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างของผู้ลงทุน ไม่ได้เน้นออกกองทุนแบบเป็นแฟชั่น ซึ่งสะท้อนสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่การตั้งชื่อกองทุน เช่น
กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล ที่มีความโดดเด่นด้านแนวทางการลงทุนสมกับชื่อ "บัวหลวงทศพล" เพราะเราเน้นลงทุนในหุ้นเพียงสิบตัวที่พิจารณาแล้วว่าจะให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น ขณะที่อีก 2 กองทุนเด่น คือ กองทุนเปิดบัวแก้ว และ กองทุนเปิดบัวแก้วปันผล ซึ่งจะเน้นกระจายการลงทุนในหุ้นจดทะเบียนที่มีแนวโน้มเติบโตดี อย่างมั่นคง ไปในหลายๆ กลุ่มอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บลจ. บัวหลวง ยังมี Sector funds ที่สามารถสนองตอบต่อความต้องการที่แตกต่างของผู้ลงทุนในกองทุนหุ้นเป็นการเฉพาะ และกลุ่มผู้ต้องการย้ายการลงทุนจาก Sector หนึ่ง ไปยัง Sector อื่นที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีในแต่ละช่วงเวลาได้และวงจรเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้ดี อีก 3 กองทุน ได้แก่
กองทุนเปิดบัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน : เน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หรือกองทุนบัวหลวงธนคม : ที่เน้นลงทุนในกลุ่มธนาคาร กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ และกลุ่มสื่อสาร
กองทุนบัวหลวงปัจจัย 4 : เน้นลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค
นอกจากนี้ยังมีกองทุนรวมหุ้นระยะยาวและกองทุนเพื่อการเษียณ 6 กองทุน (LTF 2 กองทุน และ RMF 4 กองทุน) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกัน (เฉพาะที่เป็นกองทุนหุ้น) กว่า 74,770 ล้านบาท
ซึ่ง บลจ.บัวหลวง กล่าวเสริมว่า กองทุนหุ้นทั้งหมดที่กล่าวถึงนั้น ต่างก็เป็นภาพต่อเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งแต่ละกองทุนล้วนเป็นแต่ละภาพที่เราต้องการส่งต่อไปยังผู้ลงทุนเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของการลงทุน แต่ในอีกมิติของระยะเวลา ก็เป็นภาพต่อที่ บลจ.บัวหลวง สามารถส่งผ่านความสำเร็จจากอดีตกว่า 20 ปี มาเชื่อมต่อกับความรุ่งเรืองในปัจจุบัน และสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่ออนาคต
บลจ.บัวหลวง มีปรัชญาในการลงทุนที่ยึดถือและนำมาใช้โดยตลอด 22 ปีผ่านมานับตั้งแต่จัดตั้ง คือ Good Stocks + Good Trades = Good Performances โดยเลือกลงทุนในกิจการที่ปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีความชัดเจนของความสามารถในการทำกำไร และต้องสามารถลงทุนได้ในระยะยาวได้ ซึ่งก็คือ Good Stock ร่วมกับการจับจังหวะในการเข้าซื้อขายที่ดีหรือ Good trade แล้วบริหารภายใต้กลยุทธ์ที่มี Investment Theme ที่ชัดเจน เน้นการแสวงหาผลตอบแทนในระยะยาวอย่างสม่ำเสมอด้วยการลงทุนอย่างรอบคอบ ไม่ Take risk จนเกินควร ภายใต้วินัยในการจัดการกองทุนอละจริยธรรมที่เข้มงวด สิ่งเหล่านี้รวมกันคือที่มาของ Good Performance
นอกจากนี้ บลจ.บัวหลวง ยังเน้นความสำคัญของการลงทุนในระยะยาว (3-5 ปีขึ้นไปเป็นอย่างต่ำ) เพื่อผลตอบแทนที่เป็นกอบเป็นกำ มากกว่ามุ่งซื้อขายเพื่อทำกำไรในช่วงสั้นๆ เรามีความโดดเด่นในเรื่องการเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี แบบรายตัวหรือ Bottom up stock picking approach และมีการบริหารแบบเป็นทีม (Team approach) โดยทีมผู้จัดการกองทุนและกลุ่มนักวิเคราะห์มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ละกลุ่ม
ส่วนมุมมองการลงทุนในปัจจุบันนั้น เรายังคงเน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Theme Urbanization เนื่องจากกระแส Urbanization เป็นมุมมองการลงทุนระยะยาว ซึ่งประเทศไทยและ ASEAN ยังมีอัตราการ Urbanization ที่ยังต่ำหากเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง US, EU และญี่ปุ่น นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทยที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging society) จะทำให้เรายังคงได้ประโยชน์จากการลงทุนในกระแสดังกล่าวในระยะยาว
และในปี 2558 นี้ Theme การลงทุนของ บลจ. บัวหลวงเน้นเรื่อง “วิถีใหม่เชื่อมโยงสายไหม เครือข่ายออนไลน์แสนสะดวก” ซึ่งมีปัจจัยขับเคลื่อนจาก
- การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐซึ่งนำไปสู่การลงทุนของภาคเอกชน เช่น รถไฟทางคู่ การพัฒนาเส้นทางสายไหม ลาว-ไทย-จีน การพัฒนา Digital economy เป็นต้น
- การฟื้นตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐ การเติบโตเศรษฐกิจใน ASEAN ทำให้ไทยยังได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้า จากการค้าขาย และการลงทุนในภูมิภาค รวมทั้ง FDI จากญี่ปุ่นและจีน (เนื่องจากประเทศไทยมีความได้เปรียบด้าน Strategic location + มี Infrastructure ที่ดี + แหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย)
- การขยายตัวของชนชั้นกลางและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เข้าถึงสินค้าและบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น รวมถึงเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านระบบ Online
ซึ่งอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จาก Theme ดังกล่าว ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง ผู้พัฒนาระบบ IT Infrastructure ท่องเที่ยว สายการบิน และกลุ่มค้าปลีก เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง
- การ Implementation ของรัฐบาล ในการดำเนินนโยบายได้อย่างต่อเนื่อง / เสถียรภาพทางการเมือง / การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย / ความสามารถในการส่งออก
- การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป ญี่ปุ่น / เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของจีน / ความชัดเจนในทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED / Geopolitical risks
- Valuation ของหุ้นหลายๆ ตัวในหลายๆ หมวดอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงเกินพื้นฐาน
บลจ. บัวหลวง ยังมองตลาดหุ้นในเชิงบวกอยู่ โดยในระยะสั้นเราให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศมากกว่าปัจจัย ต่างประเทศ โดยเฉพาะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย การ Implementation นโยบายของรัฐบาล และเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยและต่างชาติ และเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทาง SET Index ให้ปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในระยะยาวเชื่อว่า การขยายตัวของชนชั้นกลาง การก้าวเข้าสู่ AEC จะทำให้เกิดการค้าขาย การลงทุน และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยได้ประโยชน์ในระยะยาวจากการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในแง่ทำเลที่ตั้ง ประกอบกับการที่ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงคาดว่าจะดึงดูดเงินลงทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้ในระยะยาว
ท้ายนี้ บลจ. บัวหลวงฝากไว้ว่า หากผู้ลงทุนเชื่อมั่นในปรัชญาการลงทุน และ Theme การลงทุนของเรา ประกอบกับมีความอดทนในการรอคอย สิ่งที่ผู้ลงทุนจะได้รับก็คือ “ผลตอบแทนจากการลงทุนคุ้มค่าและมีความสม่ำเสมอในระยะ ยาว” และนอกจากผลตอบแทนจากการลงทุนดังกล่าวแล้ว เรายังคาดหวังว่า ผู้ลงทุนของเราจะได้รับความรู้ ความเข้าใจในการวางแผนการเงินและลงทุนอย่างถูกต้องเหมาะสมกับตนเอง ได้รับคุณค่าของการเป็น “มิตรแท้ตลอดเส้นทางลงทุน” จากเรา เหมือนที่เราได้รับมิตรภาพกับความเชื่อมั่นไว้วางใจจากผู้ที่ร่วมเดินทางไปในเส้นทางลงทุนของเราด้วย