Awards Winner - LTF

Morningstar Awards 2016 ประเภทกองทุนหุ้นระยะยาว (Long-Term Equity Fund) ได้แก่ กองทุนเปิดภัทร หุ้นระยะยาวปันผล

Facebook Twitter LinkedIn

Awards Logo

         

           ครั้งแรกกับความสำเร็จของกองทุน กองทุนเปิดภัทร หุ้นระยะยาวปันผล จาก บลจ.ภัทร ที่สามารถคว้ารางวัล Morningstar Awards กองทุนยอดเยี่ยมประเภทกองทุนหุ้นระยะยาว กองทุน นี้อาจจะทำให้นักลงทุนหลายๆท่าน surprise ไม่มากก็น้อยแต่สำหรับเราแล้วไม่แปลกใจเลยเนื่องจากกองทุนดังกล่าวติดอันดับเข้ารอบสุดท้ายมาโดยตลอดช่วง 5ปีที่ผ่านมา ความโดดเด่นในการความคุมความเสี่ยงให้อยุ่ในระดับต่ำ แต่ยังคงสร้างผลตอบแทนได้ดี 11.62% ต่อปี อีกทั้งยังเป็นกองทุนเดียวในกลุ่มกองทุนหุ้นระยะยาวที่มีผลตอบแทนเป็นบวกในทุกๆปีนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 เป้นต้นมา

เราลองมาฟังมมุมองและเทคนิดในการลงทุนของผู้จัดการกองทุน กันดูครับ

คำถาม: กองทุน Phatra Long Term Equity Dividend เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทไหน

คำตอบ: กองทุน Phatra Long Term Equity Dividend นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาวและสามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น และเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาในการลงทุน  รวมถึง ผู้ที่อยากลงทุนในหุ้นแต่อาจไม่มีเวลาหรือความชำนาญในการลงทุน

นอกจากนี้ กองทุน PHATRA LTFD เป็นกองทุนที่มีปันผล ดังนั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดออกจากกองทุนเพื่อใช้จ่ายเรื่อย ๆ  

คำถาม: สไตล์การลงทุนที่สำคัญของกองทุน Phatra Long Term Equity Dividend ที่นักลงทุนควรทราบและทำความเข้าใจก่อนลงทุนมีอะไรบ้าง

คำตอบ: บลจ.ภัทรมีการบริหารกองทุนแบบ Team management กล่าวคือ เน้นทำงานกันเป็นทีมและกองทุนจะเน้นลงทุนโดยเน้นปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เช่น แนวโน้มธุรกิจ ความสามารถในการทำกำไร คุณภาพและจรรยาบรรณของผู้บริหาร โดยมีการจัดทำบทวิเคราะห์ภายในโดยทีมงานวิจัยของบริษัทเป็นสำคัญ

แต่ทั้งนี้ในการบริหารจะมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมในแต่ละภาวะเศรษฐกิจซึ่งกลยุทธ์การลงทุนจะปรับตัวไปตามช่วงเศรษฐกิจ

คำถาม: ช่วยยกตัวอย่างการลงทุน (หุ้นและหมวดอุตสาหกรรม) ที่โดดเด่นจนทำให้กองทุนประสบความสำเร็จในช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา และในปัจจุบันนี้ ท่านมีมุมมองต่อการลงทุนดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ อย่างไร

คำตอบ: หนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีส่วนช่วยทำให้กองทุนมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นได้แก่ อุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน เงินทุน และหลักทรัพย์ (Finance and Securities) ที่ทางกองให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด โดยหลักทรัพย์ที่เลือกลงทุนเองก็ปรับตัวขึ้นโดดเด่น เป็นผลจากการที่ทางทีมจัดการลงทุนมีมุมมองต่อศักยภาพในการเติบโตที่มีค่อนข้างสูงของอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยสามารถเติบโตได้ในระดับร้อยละ 30 - 50 ใน 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากขนาดของตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ under penetrate และจากการขยายสาขา รวมทั้งการเติบโตของสินเชื่อในสาขาเดิม

คำถาม: ท่านคาดการณ์ว่าในปี 2559 นี้ สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไร

คำตอบ: บลจ.ภัทร มีความเห็นว่า ตลาดทุนในปี 2559 นี้จะยังคงมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะจากปัจจัยภายนอก

ซึ่งปัจจัยต่างประเทศนี้จะให้น้ำหนักกับ การดำเนินนโยบายของประเทศต่างๆทั่วโลกที่คาดว่าจะมีการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งนโยบายการเงิน การคลัง และความพยายามในการปกป้องเศรษฐกิจของตัวเอง โดยการปรับลดค่าเงิน รวมถึงพัฒนาการของเศรษฐกิจจีน ความแข็งแรงของสถาบันการเงิน และสภาพคล่องในระบบ

ส่วนปัจจัยภายในประเทศมองว่า นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและความต่อเนื่องในเปิดประมูลโครงการลงทุนภาครัฐ เป็นเรื่องที่น่าจับตาและต้องให้ควาสำคัญอย่างมาก และทั้งนี้ยังคงต้องจับตามองการฟื้นตัวของการส่งออก และความรุนแรงของผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง โดยทาง บลจ.ภัทร มีการคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีกรอบการเคลื่อนไหวในช่วง 1,250 – 1,440 จุด

คำถาม: จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของโลกจะชลอตัวลงในปีนี้ อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวนอย่างมาก ท่านมีมุมมองต่อปัจจัยดังกล่าวอย่างไรและจะส่งผลอย่างไรต่อการลงทุนในปี 2559 นี้

คำตอบ: ภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 59 มีแนวโน้มเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ จากความเสี่ยงในด้านขาลงที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากเศรษฐกิจจีน และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ทั้งนี้ในเดือน ม.ค. IMF ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวในปีนี้ จากร้อยละ 3.6 เป็นร้อยละ 3.4 เทียบกับปี 58 ที่ร้อยละ 3.1 การฟื้นตัวจะมาจากเศรษฐกิจกลุ่มประเทศที่ตกต่ำรุนแรงในปีก่อนหน้า อาทิ บราซิล รัสเซีย รวมถึงกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น

สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นช้ากว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้จากความกังวลของเศรษฐกิจนอกสหรัฐอเมริกา โดยมองว่าธนาคารกลางจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในเดือนธันวาคม ส่งผลเชิงบวกในระยะสั้นต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่

สำหรับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวน โดยเฉพาะราคาน้ำมัน คาดว่าในระยะสั้นราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนสูงตามข้อมูล และ sentiment  ในขณะนั้นๆ ภาพระยะยาว ณ ระดับราคาน้ำมันปัจจุบันยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ และต่ำกว่าต้นทุนการผลิตรวมของกลุ่มผู้ผลิตส่วนใหญ่ ทำให้ผู้ผลิตที่มีต้นทุนสูงจะเริ่มหยุดการผลิต และ ปริมาณการผลิตน้ำมันจะค่อยๆปรับเข้าสู่สมดุลทำให้ราคาน้ำมันสามารถปรับตัวขึ้นได้ในระยะยาว

คำถาม: ปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนควรทราบก่อนลงทุนในกองทุน Phatra Long Term Equity Dividend มีอะไรบ้าง

คำตอบ: เนื่องจากการลงทุนกองทุน Phatra Long Term Equity Dividend เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นไทยเช่นเดียวกับกองทุน LTF ทั่วไป ดังนั้น ความเสี่ยงจะสอดคล้องกับตลาดหุ้นฯ คือ ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นตามปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ การเมือง เป็นต้น

คำถาม: ท่านมีคำแนะนำต่อการลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) อย่างไร และอะไรคือสิ่งที่นักลงทุนสามารถคาดหวังได้จากการลงทุนในกองทุน  Phatra Long Term Equity Dividend

คำตอบ: สำหรับนักลงทุนที่ไม่มั่นใจในเรื่องการจับจังหวะตลาด แนะนำให้ทยอยซื้อในทุก ๆ เดือน (Dollar Cost Average) แทนการซื้อเพียง 1-2 ครั้งใน 1 ปี นอกจากนี้ แนะนำให้พิจารณาจากผลการดำเนินงานย้อนหลังระยะยาวที่ดีเป็นหลัก ซึ่งถ้ากองทุนไหนมีผลการดำเนินงานและสร้างผลตอบแทนได้ดีก็คาดว่าจะสร้างโอกาสรับผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผลตอบแทนในอดีตจะไม่ได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต แต่เชื่อว่ากองทุนเหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่ดีในอนาคต

สำหรับสิ่งที่นักลงทุนสามารถคาดหวังจากกองทุน Phatra Long Term Equity Dividend คือ โอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง  เพราะมั่นใจได้ว่าผู้จัดการกองทุนจะลงทุนอย่างมีหลักการ ผ่านการกลั่นกรองและวิเคราะห์  ทั้งปัจจัยพื้นฐานของบริษัท   คุณภาพและจรรยาบรรณของผู้บริหาร อีกทั้งติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุน

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Kittikun Tanaratpattanakit

Kittikun Tanaratpattanakit  Senior Research Analyst