“ซื้อกองทุน LTF ช่วงไหนดี”

ปีนี้ใครยังไม่ได้ลงทุน LTF กันบ้างครับ วันนี้ผมมีข้อมูลเล็กๆน้อยๆเกี่ยวช่วงเวลาในการลงทุนในกองทุน LTF มาฝากกันครับ

Facebook Twitter LinkedIn

          คำถามนี้ถือเป็นคำถามยอดฮิตที่ผมเจอเป็นประจำทุกปีมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีเห็นจะได้ ซึ่งผมเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ก็ยังคงหาคำตอบไม่เจอเช่นเดียวกันว่าแท้จริงแล้วการลงทุนในกองทุน LTF และรวมไปถึง RMF นั้นควรเลือกลงทุนในช่วงไหนดี และก็ประกอบกับดัชนี SET Index ที่ปรับตัวลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ผันผวนลดลงจากที่ช่วงพีคที่สุดของปีนี้บวกกว่า 20% ปรับตัวลดลงมาประมาณ 5% จึงทำให้ช่วงนี้ผมได้รับคำถามนี้บ่อยเป็นพิเศษ

แน่นนอนที่สุดถ้าเป็นไปได้ใครๆก็อยากจะได้ลงทุนในช่วงเวลาที่ดัชนีต่ำที่สุดของปีกันทั้งนั้นแหละ จริงไหมครับ แต่ประเด็นมันอยู่ที่

ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าช่วงเวลาไหนคือ ช่วงเวลาที่ดัชนีต่ำสุดของปี

นั้นเลยเป็นที่มาของคำถามนี้ ซึ่งก่อนจะไปถึงคำตอบที่ผมมีเตรียมไว้ให้สำหรับผู้ลงทุนในวันนี้นั้น เรามาเริ่มต้นด้วยการดูวัตถุประสงค์ของการลงทุนในกองทุนรวม LTF กันก่อนดีกว่า สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ซึ่งอาจจะยังไม่ค่อยคุ้น LTF หรือ Long Term Equity Fund ชื่อภาษาไทยคือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ดังนั้นเมื่อฟังจากชื่อแล้วนั้นก็รุ้ได้เลยทันทีว่ากองทุนรวมดังกล่าวนี้เน้นลงทุนในหุ้นและลงทุนกันแบบยาวๆ ซึ่งตามเกณฑ์ใหม่ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปนั้นระบุไว้ว่า ผู้ลงทุนจะต้องถือครองการลงทุนในกองทุน LTF อย่างน้อย 7ปีปฎิทินเพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนั้นผู้ลงทุนต้องระลึกไว้เสมอว่าต้องลงทุนกันยาวๆและเวลาเปรียบเทียบผลการดำเนินงานก็ควรดูกันยาวๆเช่นเดียวกัน

คราวนี้ก็มาถึงคำถามสำคัญที่ว่า “ควรซื้อ LTF ช่วงไหนดี” ซึ่งในการหาคำตอบในครั้งนี้ผมได้ทำการทดลองหาผลตอบแทนย้อนเฉลี่ยของกองทุน LTF นับตั้งแต่เริ่มมีกองทุน LTF ขึ้นมาในปี 2004 โดยตั้งสมมติฐานทางการลงทุนตามเกณฑ์การลงทุนคือ ระยะเวลาการลงทุนเท่ากับ 5ปี และ 7ปีปฎิทิน และทำการทดทดสอบในการลงทุนในทุกๆเดือนและขายเมื่อครบอายุ 5ปี และ 7ปีปฎิทิน โดยใช้วิธีการแบบ Rolling Return ซึ่งสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยวิธีการหาผลตอบแทนแบบนี้ผมบอกได้เลยว่าวิธีนี้คือวิธีที่ผู้จัดการกองทุนและนักวิเคาระห์ส่วนใหญ่ใช้พื่อดูความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงานของกองทุนรวม

ตัวอย่างเช่น สำหรับระยะเวลาการลงทุน 5ปีปฎิทิน period ที่ 1 คือ 1/11/2004 ถึง 31/10/2008 และต่อมา period ที่ 2 คือ 1/12/2004 ถึง 30/11/2008 ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงช่วง period สุดท้ายคือ 1/9/2012 ถึง 8/31/2016 ซึ่งจากจุดเริ่มต้นของการลงทุนปี 2004 จนถึงปี 2012 นั้นจะคำนวณได้ทั้งหมด 95 ช่วงเวลาการลงทุน

และถ้าเป็นการลงทุนแบบ 7ปีปฎิทิน period ที่ 1 คือ 1/11/2004 ถึง 31/10/2010 และต่อมา period ที่ 2 คือ 1/12/2004 ถึง 30/11/2010 ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงช่วง period สุดท้ายคือ 1/9/2010 ถึง 8/31/2016 โดยแบบ 7ปีปฎิทินนี้จะได้ทั้ง 71 ช่วงเวลาการลงทุน

ซึ่งจากการคำนวณแบบนี้จะทำให้เราเห็นว่าผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยในแต่ละเดือนนั้นมีความแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร ซึ่งผลสรุปที่ได้ก็คือ

LTF57

ดังนั้นจากการคำนวณจะเห็นได้ว่าหากท่านลงทุน LTF ในเดือนตุลาคมเป็นระยะเวลา 5ปีปฎิทิน จะมีผลตอบแทนเฉลี่ย 12.01% ต่อปีซึ่งมากเป็นอันดับที่ 1 และหากท่านลงทุนในเดือนมกราคมของทุกปีเป็นระยะเวลา 5ปีนั้น จะมีผลตอบแทนเฉลี่ย 10.76% ซึ่งจากสถิติที่ผมได้ทำให้ท่านดูก็ต้องบอกว่าในอดีตที่ผ่านมาเดือนตุลาคมคือเดือนที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อ LTF นั้นเอง แต่หากมองไปที่ระยะเวลา 7ปีปฎิทิน การลงทุนในเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเวลาที่ได้ผลคอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดคือ 13.87%

แต่อย่างไรก็ตามหากลองดูในรายละเอียดของผลตอบแทนจากการลงทุนในแต่ละช่วงเวลานั้นจะเห็นได้ว่าผลตอบแทนนั้นไม่ได้แตกต่างกันอย่างมีนัยะสำคัญในแต่ละเดือนหรือถ้าจะให้พูดง่ายก็คือ

ซื้อเดือนไหนก็เหมือนๆกันนั้นเองเพียงแต่ต้องลงทุนกันแบบระยะยาวเท่านั้นเอง

หรือถ้าท่านนักลงทุนสนใจก็อาจจะลงทุนเป็นแบบถัวเฉลี่ย (Dollar Cost Average) ในทุกๆเดือนก็ได้เช่นเดียวกันซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ต่างกันเท่าไรอีกทั้งท่านยังได้ฝึกนิสัยการออมเงินไปในตัวและไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินลงทุนในตอนปลายปีอีกด้วย

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Kittikun Tanaratpattanakit

Kittikun Tanaratpattanakit  Senior Research Analyst

© Copyright 2024 Morningstar, Inc. All rights reserved.

ข้อตกลงการใช้งาน        นโยบายความเป็นส่วนตัว       Disclosures