Awards Winner – Short Term Bond

Morningstar Awards 2018 กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น (Short Term Bond Fund) ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทย ธนไพศาล มาฟังบทสัมภาษณ์จากทีมผู้จัดการกองทุนกันเลยครับ

Morningstar 20/03/2561
Facebook Twitter LinkedIn

 

Logo 2018

เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันสำหรับ บลจ. ทหารไทย ที่ได้รับรางวัล Morningstar Awards ในประเภทนี้ โดยกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพศาล ที่มีจุดเด่นคือ ความสม่ำเสมอในการสร้างผลตอบแทนที่ดีเฉลี่ย 2.82 % ต่อปีตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ และกองทุนสามารถทำผลตอบแทนชนะค่าเฉลี่ยกองทุนได้ในทุกๆปี โดยทีมผู้จัดการกองทุนจะให้ความสำคัญมากในด้าน อันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร(Credit Risk) เป็นอันดับแรก  รองลงมาคืออัตราดอกเบี้ย(Interest Rate) และ อายุของตราสาร(Duration) ตามลำดับ

ในวันนี้เราจะมารู้จัก กองทุนเปิดทหารไทยธนไพศาล กันให้มากขึ้นผ่านบทสัมภาษณ์จากทีมผู้จัดการกองทุน บลจ. ทหารไทย

คำถาม: โปรดระบุไฮไลท์สำคัญในการปรับพอร์ตการลงทุนตลอดทั้งปี 2017 สินทรัพย์ตัวใดคือปัจจัยที่สำคัญที่ท่านคิดว่าเป็นผลให้กองทุนของท่านประสบความสำเร็จสร้างผลตอบแทนได้ดี

คำตอบ: ในปี 2017 ที่ผ่านมานั้น อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริการะยะสั้นได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยกองทุนได้เข้าไปปรับเปลี่ยนการลงทุนหลายประการด้วยกัน กล่าวคือ

  • ในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศ กองทุนได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน ตราสารที่จ่ายดอกเบี้ยลอยตัวในสกุลเงิน US Dollar
  • ส่วนในการลงทุนในประเทศนั้น กองทุนใช้กลยุทธ Rolling forward credit curve คือ การลงทุนในตราสารหนี้เอกชนระยะยาว แล้วปรับสัดส่วนลง เมื่อส่วนต่างของเครดิตลดลง ตามอายุ

คำถาม: มุมมองตลาดในปี 2018 ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร ตลาดไหนที่น่าสนใจเป็นพิเศษ ท่านคิดว่าปัจจัยใดที่จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด รวมถึงท่านมีวิธีการลดความเสี่ยงอย่างไร

คำตอบ: ผู้จัดการกองทุนคาดการณ์ว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา จะเพิ่มสูงขึ้น  และคาดว่า ภายในปี 2018 อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาน่าจะเพิ่มสูงขึ้นถึงระดับที่เหมาะสม กองทุนจะปรับเพิ่มกลับมาลงทุนในตราสารหนี้ที่จ่ายอัตราดอกเบี้ยคงที่เพิ่มมากขึ้นนอกจากนั้น กองทุนยังมีนโยบายที่จะลดความผันผวนลง โดยการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ซึ่งคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำทั้งปี 2018

คำถาม: โปรดระบุความเสี่ยงสำคัญที่จะมากระทบต่อตลาดการเงิน เช่น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ท่านคิดว่าปัจจัยเสี่ยงต่างๆเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนอย่างไร

คำตอบ:การปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริการวมทั้งการปรับลดปริมาณเงินในสหรัฐอเมริกา จะทำให้สภาพคล่องในสหรัฐอเมริกาเริ่มตึงตัวขึ้น ดังนั้นการประเมินการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตราสารที่มีอายุต่างๆ กัน จะมีความสำคัญมากขึ้น  ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เป็นผลกระทบแอบแฝงที่ต้องคอยจับตาอยู่อย่างใกล้ชิด คือ ระดับส่วนต่างของเครดิต (Credit Spread) เนื่องจากใน 2-3 ปีที่ผ่าน ระดับส่วนต่างของเครดิต ได้ลดลงอย่างมาก เนื่องจากสภาพคล่องที่มีอยู่มากในระบบ ผู้จัดการกองทุนคาดว่า ระดับส่วนต่างของเครดิต อาจจะเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างมาก หากเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ยังคงเติบโตได้ ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้น

คำถาม: บลจ.ของท่านมีการจัดทีมการลงทุนอย่างไร ปีที่ผ่านมาบลจ.ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทีมบ้างหรือไม่ บลจ.มีแผนที่จะขยายหรือเพิ่มทีมในอนาคตอันใกล้หรือไม่

คำตอบ: ในปี 2017 ไม่มีการปรับเปลี่ยนพนักงานในฝ่ายจัดการลงทุนตราสารหนี้ ส่วนในอนาคตทางฝ่ายจัดการลงทุนมีแผนที่จะปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารในสกุลเงินต่างๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องมีการพัฒนาพนักงานและเพิ่มเติมพนักงานที่จะเข้ามา บริหารจัดการในส่วนนี้มากขึ้น

คำถาม: โปรดระบุปัจจัยที่ท่านคิดว่าทีมการลงทุน หรือกระบวนการใด ที่บลจ.ของท่านต้องการพัฒนาเป็นพิเศษ

คำตอบ: การขยายการลงทุนตรงไปยังต่างประเทศมากขึ้นเป็นที่สำคัญ เพื่อจะช่วยยกระดับความสามารถของทีม และให้มีประสบการณ์ต่อตลาดตราสารหนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่กำลังพัฒนา (Emerging market) เนื่องจาก เป็นตลาดที่มีการเจริญเติบโตสูง และมีอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ระดับสูงอยู่ ทำให้สามารถเพิ่มระดับผลตอบแทนของการลงทุนได้สูงขึ้น โดยที่ความเสี่ยงไม่ได้เพิ่มมากขึ้นนัก

 

 

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar