กลุ่มกองทุนตราสารหนี้

กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ Short Term Bond และ Mid/Long Term Bond 

Morningstar 14/04/2563
Facebook Twitter LinkedIn

กองทุนรวมตราสารหนี้กลุ่ม Short Term Bond และ Mid/Long Term Bond (ตาม Morningstar Category) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2019 รวมทั้งสิ้น 1.3 ล้านล้านบาท โดยมี บลจ.ไทยพาณิชย์ มีส่วนแบ่งตลาด 20.7% ใกล้เคียงกับบลจ.ทหารไทย ที่ 20.0% แต่หลังจากมีเงินไหลออกสุทธิจาก 2 กลุ่มกองทุนนี้ (รวม -3.1 แสนล้านบาท) และเป็นเหตุให้มีการเลิกกองทุนของ บลจ.ทหารไทย จำนวน 4 กองทุน ทำให้ภาพรวมตลาดเปลี่ยนแปลงไป โดยมูลค่าทรัพย์สินรวม 2 กลุ่มลดลง -23.6% เหลือ 9.9 แสนล้านบาท และบลจ. ไทยพาณิชย์ยังคงเป็นผู้นำในตลาดนี้ที่ส่วนแบ่งตลาด 26.3% และมี บลจ.กสิกรไทยขยับขึ้นมาเป็นอันดับสองด้วยส่วนแบ่งตลาด 22.1% ในขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของ บลจ.ทหารไทย ลดลงเหลือ 1.2% เนื่องจากทั้ง 4 กองทุนที่เลิกนั้นเป็นกองทุนขนาดใหญ่ของบลจ. ทหารไทย

5 TH Q1 20 bond TNA

สำหรับสาเหตุของเงินไหลออกกองทุนตราสารหนี้นั้นหากย้อนกลับไปในช่วงกลางเดือนมีนาคมจะพบว่ามีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติค่อนข้างมากโดยเฉพาะในวันที่ 12 มีนาคมที่สูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท (ที่มา: สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย) ในขณะที่ทั้งเดือนกุมภาพันธ์ขายสุทธิ 2.2 หมื่นล้านบาทและหลังจากวันดังกล่าวก็มีเม็ดเงินขายตราสารหนี้ออกมาอย่างต่อเนื่องประมาณวันละ 5-6 พันล้านบาท ทำให้เริ่มส่งผลต่อตราสารหนี้ที่กองทุนรวมถืออยู่และสะท้อนไปที่ NAV ของกองทุน นักลงทุนจึงเริ่มเกิดความตระหนกและมีแรงขายกองทุนตราสารหนี้มากขึ้น เป็นเหตุให้มีการปิดกองทุนและทางธนาคารแห่งประเทศไทยจึงได้ออกมาตรการเพื่อดูแลตลาดตราสารหนี้ไทย 3 มาตรการคือ

1. เสริมสภาพคล่องให้กองทุนรวมตราสารหนี้ผ่านธนาคารพาณิชย์ที่เข้าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมโดยธนาคารพาณิชย์สามารถนำหน่วยลงทุนดังกล่าวมาวางเป็นหลักประกันเพื่อขอสภาพคล่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้
2. จัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องร่วมกันกับ สมาคมธนาคารไทย ธนาคารออมสิน ธุรกิจประกันภัย และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เพื่อลดความเสี่ยงของการระดมทุน หรือเป็นการช่วยฝั่งธุรกิจให้สามารถระดมทุนต่อได้หากตลาดมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ
3. ดูแลให้ตลาดตราสารหนี้ภาครัฐมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ โดยมีการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลต่อเนื่อง

สถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้เกิดกับตลาดตราสารหนี้ในประเทศอื่นเช่นกัน โดยในช่วงเดือนมีนาคมที่การระบาดของ COVID-19 เริ่มรุนแรงขึ้นและขยายพื้นที่ไปหลายประเทศทั่วโลกทำให้เกิดความกังวลถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจรวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้ โดยในสหรัฐอเมริกาก็มีกระแสเงินไหลออกจากกองทุนตราสารหนี้และเข้าไปยังตราสารตลาดเงิน นอกจากนี้ยังมีฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลียที่มีภาพกระแสเงินที่คล้ายกันคือมีเงินไหลออกจากกองทุนตราสารหนี้อย่างมีนัยสำคัญในเดือนมีนาคม แต่จะต่างกับประเทศไทยคือมีการกระจายการไถ่ถอนหน่วยลงทุนในหลายกองทุน

6 TH Q1 20 bond vs MM flow

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar