ปัจจุบันการลงทุนใน Tracker Fund หรือกองทุนดัชนีที่มีการลงทุนล้อตามไปกับดัชนีหุ้นเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายกองทุนค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้มีจำนวนกองทุน Tracker Fund เกิดขึ้นมาจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรลงทุนในกองทุนที่ล้อตามดัชนีเหล่านี้เพียงอย่างเดียวหรือไม่ คำตอบคือไม่เสมอไป เนื่องจากในบางสถานการณ์การลงทุนใน Active fund ก็มีความน่าสนใจมากกว่า ดังนั้น เมื่อไหร่เราจึงควรลงทุนใน Tracker Fund
Efficient Markets
หากตลาดหุ้นอยู่ในสภาวะที่มีประสิทธิภาพมากพอ นักลงทุนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้ราคาหุ้นในตลาดได้สะท้อนข้อมูลข่าวสารทั้งหมดไว้แล้ว นักลงทุนจึงไม่สามารถลงทุนเพื่อเอาชนะตลาดได้ การลงทุนตามดัชนีจึงเหมาะสมกับสถานการณ์แบบนี้ นอกจากนี้ในความเป็นจริงแล้วมีผู้จัดการกองทุนจำนวนมากที่ลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนน้อยกว่าตลาด ทำให้การลงทุนล้อตามดัชนีจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
Low Cost Investing
Tracker Fund หรือการลงทุนล้อตามดัชนีช่วยสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนที่เหมาะสมภายใต้ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า Active fund นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบกระจายการลงทุนแต่มีเงินลงทุนจำกัด เช่น หากนักลงทุนต้องการลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลี เนื่องจากเห็นว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าเข้าลงทุนและน่าจะมีผลตอบแทนที่ดีในอนาคต โดยเปรียบเทียบกองทุน 2 ประเภท ดังนี้ 1. ลงทุนผ่าน Active fund ได้แก่ JPM Korea Equity ซึ่งมีค่าธรรมเนียมกองทุน 1.81% ต่อปี และให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6.4% ต่อปี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หรือ 2. เลือกลงทุน Tracker Fund อย่าง iShares MSCI Korea ETF ซึ่งมีการลงทุนเหมือนดัชนี MSCI Korea 20/35 มีค่าธรรมเนียมกองทุน 0.65% ต่อปี และให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.9% ต่อปี ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ากรณีนี้การเลือกลงทุนผ่าน Tracker Fund น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
Strategic Beta
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนแบบเจาะจงเฉพาะบางธุรกิจหรืออุตสาหกรรม เช่น เน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI (Artificial intelligence) หรือลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ COVID19 เป็นต้น ก็สามารถเลือกลงทุนผ่าน ETF ได้เช่นกัน เนื่องจากมีหลายกองทุนที่เป็น Specific themes เช่น iShares Automation & Robotics ETF หรือ iShares Global Water ETF อย่างไรก็ตาม กองทุนประเภทนี้ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะอาจเป็นไปตามกระแสนิยมชั่วคราว อายุกองทุนสั้น และมีไม่กี่กองทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีกว่ากองหุ้นทั่วไปได้
Key Risks
การลงทุนทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยง Passive fund ก็เช่นกัน แม้ว่าการลงทุน ETFs จะซื้อขายได้ง่ายเหมือนการลงทุนในหุ้น แต่ก็มีความเสี่ยงหากนักลงทุนพยายามจะจับจังหวะการเข้าซื้อขายแทนที่จะเน้นการลงทุนแบบระยะยาวมากกว่า เพราะยิ่งเราพยายามซื้อๆขายๆ ก็อาจจะยิ่งขาดทุนแทน นอกจากนี้ การลงทุนผ่าน ETFs นักลงทุนยังต้องศึกษาข้อมูลให้ดี หากองทุนที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเอง และลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้
การเลือกลงทุนผ่าน Passive fund ก็ถือเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาวและทำให้นักลงทุนไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจเลือกผสมผสานการลงทุนทั้ง Active fund และ Passive fund ก็ได้ ภายใต้เงินทุนที่มีและมีความเข้าใจต่อสิ่งที่เราลงทุน