เหตุใดการลงทุนจึงมีความหลากหลาย

การกระจายการลงทุน นับเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญของการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละประเภทก็มีความเหมาะสมแตกต่างกันไปในแต่ละสถานการณ์

Morningstar 01/03/2564
Facebook Twitter LinkedIn

การกระจายการลงทุน นับเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญของการตัดสินใจลงทุน ดังที่กล่าวกันว่า “อย่าใส่ไข่รวมกันไว้ในตะกร้าใบเดียว”  การจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายจึงมีความสำคัญมาก (Asset allocation) เช่น การลงทุนในหุ้น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และพลังงานทางเลือก เป็นต้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการลงทุน เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละประเภทก็มีความเหมาะสมแตกต่างกันไปในแต่ละสถานการณ์ เช่น ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตดี การลงทุนในหุ้นก็จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้ ทั้งนี้ การกระจายการลงทุนยังรวมถึงการกระจายความเสี่ยงในแง่ประเทศ และอุตสาหกรรมที่ลงทุนด้วยเช่นกัน

eq china net

ยกตัวอย่างเช่น หากเราอยากกระจายการลงทุนโดยมีส่วนหนึ่งที่ลงทุนในจีน และหากเลือกกองทุนจาก Morningstar category อาจพบว่าเป็นการกระจายการลงทุนได้ดีแล้ว โดยมีทั้งกองทุน China Equity, Global Emerging Markets Equity, Global Large-cap Growth Equity เป็นต้น อย่างไรก็ตามแต่ละกองทุนมีน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีนที่แตกต่างกัน ดังนั้น หากเราเลือกลงทุนผิด ก็จะทำให้มีน้ำหนักการลงทุนในจีนที่สูงเกินกว่าที่ต้องการได้

เข้าใจแหล่งที่มาของรายได้ของบริษัท

อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงคือ แหล่งที่มาของรายได้ของบริษัทที่เราไปลงทุนว่ามาจากประเทศไหนบ้าง เช่น หากลงทุนใน FTSE100 ก็จะพบว่า 3 ใน 4 ของบริษัทเหล่านั้นมีรายได้มาจากนอกประเทศอังกฤษ

china by

อีกตัวอย่างหนึ่งเช่น หากเราลงทุนในจีนเป็นหลักอยู่แล้ว แต่อยากเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น ลงทุนเพิ่มใน Sector Equity Consumer Good & Services, Sector Equity Technology, Sector Equity Water และเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในแง่ภูมิประเทศที่ลงทุน จึงเลือกลงทุนใน Global Large Cap Value Equity ด้วย ในกรณีนี้ก็จะพบว่าแม้ว่าเราจะกระจายการลงทุนที่หลากหลายแล้วก็ตาม แต่โดยรวมแล้วกองที่เราไปลงทุนก็มีรายได้ที่มาจากประเทศจีนในสัดส่วนที่รวมกันแล้วก็สูงมากเช่นกัน

นอกจากนี้ หากแบ่งประเภทหุ้นที่เป็น Small-cap stocks ก็จะพบว่าบริษัทเหล่านี้มักจะมีรายได้หลักมาจากในประเทศ ส่วนกลุ่ม Large caps ก็จะมีรายได้จากต่างประเทศมากขึ้น ดังนั้น หากการลงทุนกระจุกอยู่แค่กลุ่ม Small-cap ก็ทำให้สัดส่วนการลงทุนพึ่งพารายได้จากตลาดในประเทศเป็นส่วนมาก

ข้อควรคำนึงการจัดพอร์ต

  • จุดมุ่งหมายของเงินลงทุน เพื่อประเมินความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้และสามารถกระจายการลงทุนได้เหมาะสม  เช่น เงินลงทุนเพื่อการเกษียณในอนาคตเป็นเงินลงทุนระยะยาว ดังนั้นสามารถรองรับความเสี่ยงได้มากกว่าเงินลงทุนระยะสั้นที่อาจทนต่อความผันผวนได้ต่ำกว่า
  • ประเมินเงินลงทุนในปัจจุบันว่ามีการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้อย่างไรบ้าง เพื่อเปิดรับการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย
  • Strategic/ Tactical    ในแง่Asset allocation สามารถแบ่งการลงทุนออกเป็น Strategic/ Tacticalถ้าเป็น Strategic จะเป็นการลงทุนระยะยาว แต่ถ้าเป็น Tactical   จะเป็นการลงทุนในช่วงสั้นๆ ซึ่งจะสามารถลงทุนโดยอ้างอิงตามภาวะตลาดและสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้นๆ
  • Core / Satellite   เงินลงทุนสามารถแบ่งเป็นส่วน Core portfolio ซึ่งก็คือโครงสร้างการลงทุนหลักของเงินลงทุนทั้งหมด และส่วน Satellite ซึ่งเป็นเงินลงทุนส่วนเพิ่มที่สามารถผันผวนได้มาก และรับความเสี่ยงที่มากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นให้ Portfolio

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar