ความโดดเด่นตลอด 5 ปี ของกองทุนเปิดเพิ่มพูนทรัพย์ปันผล (Perm Poon Sab Dividend : PPSD) คือความสม่ำเสมอในการสร้างผลตอบที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการให้ความสำคัญในการรักษาความเสี่ยงให้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม จนได้รับรางวัล Morningstar Awards 2014 ประเภทกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap)
หากพูดถึงกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนเพิ่มพูนทรัพย์ปันผลในปี 2013 ที่ผ่านมา มองว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศยังมีอัตราการเติบโตที่ดี และ Growth Drivers ของเศรษฐกิจมาจากการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งกองทุนได้เน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก แต่เมื่อเข้าช่วงกลางปี ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นมาก การบริโภคภายในประเทศเริ่มชะลอตัวลง ประกอบกับราคาหุ้นในกลุ่มนี้ได้ปรับตัวขึ้นสูงมาก กองทุนก็เริ่มปรับพอร์ตการลงทุนไปยังหุ้นกลุ่มที่ค่อนข้าง Defensive มากขึ้น คือหุ้นที่มีกระแสเงินสดดี มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และน่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวน้อย
ต่อสถานการณ์ที่มีเงินลงทุนไหลออกจากภูมิภาคเอเชียในช่วงที่ผ่านมาและยังคงมีแนวโน้มไหลออกอย่างต่อเนื่อง บลจ. ธนชาต กล่าวว่า เริ่มมองเห็นแนวโน้มที่เม็ดเงินลงทุนจะไหลออกจากตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาไปยังกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วตั้งแต่กลางปี 2013 เราจึงปรับพอร์ตการลงทุน โดยลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากเกินปัจจัยพื้นฐาน หุ้นที่ได้ประโยชน์มากจากกระแสเงินลงทุนไหลเข้าก่อนหน้านี้ และเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดมากขึ้นเป็นการชั่วคราว และเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงตามที่คาดการณ์ไว้ ก็เริ่มทยอยกลับเข้าลงทุนในหุ้นที่เราคิดว่าราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Defensive
การลงทุนของ บลจ.ธนชาต จะเน้นการลงทุนในลักษณะ Active Management ทั้งด้าน Asset Allocation และ Stock Selection โดยในการเลือกหลักทรัพย์ลงทุนจะให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เชิงปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) บลจ.ธนชาต จะเน้นการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะทำให้สามารถหาข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ได้อย่างรอบด้านมากขึ้น
สำหรับปี 2014 นี้ บลจ. ธนชาต มีความเห็นต่อการลงทุนว่า ในปัจจุบันกระแสเงินลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว เช่นเดียวกับข้อมูลข่าวสาร ดังนั้น การลงทุนควรจะต้องมีการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ และการจัดพอร์ตการลงทุนควรมีการปรับให้สอดคล้องกับภาวะการลงทุนที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
จากการที่สภาพคล่องในระบบการเงินยังมีอยู่สูงและอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำมาก และมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นในปี 2015 ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น โดยเฉพาะการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯและกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว หากเลือกลงทุนในสินทรัพย์หลัก 3 ประเภท คือ หุ้น ตราสารหนี้ และทองคำ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2014 นี้ บลจ. ธนชาต ยังเน้นการลงทุนในหุ้น มากกว่าตราสารหนี้ และให้น้ำหนักกับการลงทุนในทองคำน้อยที่สุด
สำหรับความเสี่ยงที่มีต่อการลงทุนในขณะนี้คือ 1. ความเสี่ยงที่ภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง 2. เศรษฐกิจจีนที่เสี่ยงที่จะเกิดปัญหาฟองสบู่แตกได้ 3. ความกังวลต่อมาตราการ QE Tapering ซึ่งจะส่งผลต่อกระแสเงินลงทุนของโลก 4. การที่ญี่ปุ่นจะเริ่มใช้ มาตรการทางภาษีใหม่ในเดือนเมษายน 2014 ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราการเติบโตของญี่ปุ่นที่อาจจะน้อยกว่าที่คาดการณ์
บลจ. ธนชาต กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในปีนี้โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2014 หากมองไปที่สินทรัพย์หลัก 3 ประเภทคือ หุ้น ตราสารหนี้ และทองคำ เรายังเน้นการลงทุนในหุ้น มากกว่าตราสารหนี้ และให้น้ำหนักกับการลงทุนในทองคำน้อยที่สุด โดยถึงแม้ว่าหุ้นจะมีความผันผวนอยู่ แต่เรายังเห็นว่าการลงทุนในระยะยาวน่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารหนี้ ส่วนทองคำ เราให้น้ำหนักการลงทุนน้อยที่สุด เนื่องจากเราไม่เห็นปัจจัยบวกที่ชัดเจนที่จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปมากๆ
สุดท้ายนี้ บลจ. ธนชาต มองว่าการได้รับรางวัลในครั้งนี้ถือว่าเกียรติ และถือเป็นภาระรับผิดชอบที่จะพยายามบริหารกองทุนให้ได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่ดีให้แก่ลูกค้าต่อไป ซึ่ง บลจ.ธนชาต เชื่อมั่นว่าด้วยกระบวนการการทำงานที่เน้นการทำงานเป็นทีม และกล้าตัดสินใจลงทุนเมื่อได้ข้อสรุปแล้วนั้น น่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีให้แก่กองทุนในระยะยาวได้
:quality(80)/cloudfront-us-east-1.images.arcpublishing.com/morningstar/LUIUEVKYO2PKAIBSSAUSBVZXHI.png)
