Awards Winner - Mid/Long Term Bond

Morningstar Awards 2014 ประเภทกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางและยาว (Mid/Long Term Bond) ได้แก่ กองทุนกรุงศรีตราสารหนี้ระยะกลางปันผล

Facebook Twitter LinkedIn

Awards2014

กองทุนกรุงศรีตราสารหนี้ระยะกลางปันผล (Krungsri Medium Term Fixed Income Dividend Fund : KFMTFI-D) ทำผลงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีเฉลี่ยอยู่ที่ 2.21% ต่อปีประกอบกับจุดเด่นในเรื่องความเสี่ยงที่ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆในกลุ่ม จึงทำให้กองทุน Krungsri Medium Term Fixed Income Dividend Fund ได้รับรางวัล Morningstar Awards 2014 ประเภทกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางและยาว (Mid/Long Term Bond)

จุดเด่นของกองทุนกรุงศรีตราสารหนี้ระยะกลาง คือการบริหารกองทุนแบบเชิงรุก “Active Management” โดยจะปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนทั้งในด้านการคัดเลือกประเภทสินทรัพย์ (Security selection) และการปรับเพิ่ม / ลดอายุคงเหลือเฉลี่ยโดยรวมของพอร์ตการลงทุน (Portfolio duration) อย่างสม่ำเสมอภายใต้มุมมองของทีมผู้จัดการกองทุนที่วิเคราะห์ร่วมกัน โดยนำเอาปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศมาเป็นตัวกำหนดการวางกรอบเป้าหมายด้าน Duration และกลยุทธ์การคัดเลือกรุ่นของตราสารหนี้ที่กองทุนจะถือครอง

ในปี 2013 ที่ผ่านมา บลจ. กรุงศรี มีมุมมองต่อตลาดตราสารหนี้เป็นกลาง (Neutral) ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงจากระดับร้อยละ 2.75 ในช่วงต้นปี มาอยู่ที่ร้อยละ 2.25 ณ สิ้นปี 2013 ก็ตาม ดังนั้นในระหว่างปีอายุคงเหลือเฉลี่ยกองทุน (Portfolio duration) ไม่ได้มีปรับเพิ่มขึ้น หรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากแต่ผลการดำเนินงานกองทุนที่โดดเด่นจะมาจากการคัดเลือกสินทรัพย์เข้ามาอยู่ในพอร์ตในแต่ละช่วงเวลาเป็นหลัก และสินทรัพย์ที่สร้างอัตราผลตอบแทนให้กับกองทุนอย่างโดดเด่น คือ ตราสารหนี้รุ่นอายุปานกลาง 4 - 5 ปี และพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ ซึ่งในช่วงระหว่างปี บลจ. กรุงศรี ได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

KFM

ส่วนทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องนั้น บลจ. กรุงศรี มองว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีความจำเป็นที่จะต้องผ่อนคลายเพิ่มเติมในช่วงสถานการณ์ทางการเมืองไม่สามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงสู่ระดับร้อยละ 2.00 ภายในช่วงครึ่งปีแรก และจะคงที่ไปอย่างน้อยถึงสิ้นปี 2014

โดยแนวทางการบริหารพอร์ตจะเน้นการถือครองตราสารระยะกลาง เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากที่สุด ทั้งนี้นักลงทุนที่สามารถรับความผันผวนระยะสั้นได้ จึงควรกระจายเงินลงทุนส่วนหนึ่งที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในช่วงสั้นๆ ออกจากกองทุนรวมตลาดเงิน มาอยู่ที่กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางเพื่อให้ได้อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้บ้าง ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นระยะเวลานาน 

สำหรับเศรษฐกิจโลกในปี 2014 บลจ. กรุงศรี ประเมิณว่า จะปรับตัวดีขึ้นตลาดลำดับ นำโดยตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น หากเทียบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ไม่สดใสนัก จากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาวะการลงทุนในประเทศที่ชะลอตัวลง จึงแนะนำให้ลดสัดส่วนการลงทุนทั้งตราสารหนี้ไทยและหุ้นไทยลง โดยกระจายการลงทุนเพิ่มในตลาดหุ้นต่างประเทศโดยให้น้ำหนักตลาดหุ้นยุโรปในสัดส่วนสูงที่สุดตามการฟื้นตัวที่โดดเด่นกว่า นอกจากนี้ยังคงแนะนำให้กระจายการลงทุนส่วนหนึ่งในตลาดหุ้นจีนที่เศรษฐกิจยังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยรวมให้มีสัดส่วนการลงทุนในประเทศ (ตราสารหนี้ไทย และหุ้นไทย) ในสัดส่วนร้อยละ 50 และที่เหลืออีกร้อยละ 50 ให้ลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคลเป็นหลัก

ความท้าทายในการบริหารกองทุนให้ประสบความสำเร็จนั้น บลจ. กรุงศรี มองว่า ตลอดทั้งปี 2014 นี้ ยังคงเป็นช่วงที่ตลาดจะยังคงมีความผันผวนสูงอยู่ ทั้งจากผลกระทบจากการปรับลดปริมาณการซื้อพันธบัตรสหรัฐและคาดว่าจะหมดลงทั้งหมดภายในปีนี้ ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศที่รุมเร้า ทั้งทางด้านความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจไทยที่ขาดแรงขับเคลื่อน ดังนั้นการคัดเลือกสินทรัพย์เข้าพอร์ตจึงเป็นปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญ โดยมองเห็นโอกาสการลงทุนในพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อที่มูลค่ากลับมาน่าสนใจ ภายหลังจากที่ราคาปรับลดลงมาค่อนข้างรุนแรง อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

บลจ. กรุงศรี ทิ้งท้ายว่า ทีมผู้จัดการกองทุนยังคงมุ่งเน้นการบริหารกองทุนแบบ Active โดยปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาดเพื่อโอกาสสร้างอัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับกองทุนอย่างสม่ำเสมอ ภายใต้กรอบความเสี่ยงในระดับที่เหมาะสม

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Kittikun Tanaratpattanakit

Kittikun Tanaratpattanakit  Senior Research Analyst