กองทุนหุ้นยุโรป

การลงทุนในโลกปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเป็นการลงทุนในต่างประเทศ ที่ๆเราเข้าถึงข้อมูลได้ยากด้วยแล้วนั้น ความเข้าใจและความรู้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ

Facebook Twitter LinkedIn

          เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ผมได้มีโอกาสไปร่วมบรรยายในสัมมนาเล็กๆของโครงการให้ทำงานผ่านกองทุนรวม ในงาน SET in the city ที่จัดขึ้นที่ Siam Paragon ซึ่งจากบทสนทนาตลอดช่วง 4 วันที่ผ่านมานั้น หนึ่งในคำถามที่ผมได้รับจากผู้ลงทุนมากที่สุดนั้นก็คือ คำถามเกี่ยวกับกองทุนหุ้นยุโรป ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่อาจมีความกังวลต่อสถานการณ์การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอยู่ในยุโรปโดยเฉพาะฝรั่งเศส ณ ขณะนี้ วันนี้ผมเลยถือโอกาสนำเรื่องของกองทุนหุ้นยุโรปมาเล่าให้นักลงทุนฟังกัน

ก่อนอื่นต้องยอมรับว่ากองทุนหุ้นยุโรปนั้นได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยในปี 2557 และ 2558 ที่ผ่านมานี้มีเม็ดเงินลงทุนสุทธิไหลเข้ากองทุนหุ้นยุโรปนี้เฉลี่ยปี่ละ 13,500 ล้านบาท นับเป็นอันดับต้นๆของเม็ดเงินลงทุนในกองทุนต่างประเทศ ปัจจุบันมีเปิดดำเนินการทั้งสิ้น 27 กองทุน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 35,000 ล้านบาท ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดให้นักลงทุนหันมาสนใจการลงทุนในกองทุนหุ้นยุโรปนี้คงหนี้ไม่พ้นผลตอบแทนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ที่ดูโดดเด่น โดยสามารถทำผลตอบแทนย้อนหลังช่วง 3ปีที่ผ่านมานี้ได้ถึงเฉลี่ย 9.7% ต่อปีและนับตั้งแต่ต้นปีมานี้ทำผลตอบแทนได้ที่เฉลี่ย 11.39% ข้อมูล ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2558

แต่จุดทึ่น่าเป็นกังวลสำหรับนักลงทุนที่นำเงินมากมายมาลงทุนในกองทุนหุ้นยุโรปนี้เท่าที่ผมสังเกตได้จากงานนี้ก็คือ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนหุ้นยุโรปที่พวกเค้ากำลังลงทุนอยู่นั้นเอง ความกังวลนี้เริ่มต้นตั้งแต่เรื่องที่นักลงทุนกว่า 80% ที่ร่วมสัมมนานั้นยังไม่ทราบแม้กระทั้งชื่อกองทุนแม่ Master Fund ที่ตัวเองกำลังลงทุนอยู่ และพอผมถามลึกลงไปอีกว่าท่านนักลงทุนทราบหรือไม่ว่ากองทุนหุ้นยุโรปที่ท่านลงทุนอยู่นั้น ลงทุนหุ้นอะไรอยู่บ้าง

คำตอบที่ได้รับในวันนั้นกลับยิ่งทำให้ผมกังวลเพิ่มมากขึ้น นั้นคือไม่มีผู้ลงทุนท่านได้ทราบเลยว่ากองทุนนั้นกำลังถือหุ้นอะไรอยู่บ้าง

ประเด็นนี้ผมถือว่าสำคัญมากๆและเป็นความเสี่ยงอย่างมากต่อการลงทุน ซึ่งไม่เพียงแต่การลงทุนในหุ้นยุโรปเท่านั้น การลงทุนทุกประเภทสินทรัพย์หากท่านยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังลงทุนอยู่นั้นผมถือว่าเป็นความเสี่ยงที่สูงที่สุด และยิ่งเป็นการลงทุนในต่างประเทศ ออกไปนอกจากความคุ้นเคยของเราแล้วนั้น นักลงทุนยิ่งต้องให้ความสนใจหาความรู้และรายละเอียดให้ได้มากที่สุด เนื่องจากการลงทุนในโลกปัจจุบันนี้มีความซับซ้อนและหลากหลายมาก ผลตอบแทนของแต่กองทุนก็แตกต่างกันอย่างมีนัยะสำคัญ ไม่ใช่กว่ากองทุนหุ้นยุโรปจะเหมือนกันไปหมดทุกกอง ซึ่งที่มาของความต่างนั้นก็คือ พอร์ตการลงทุนที่แตกต่างกันนั้นเอง มีทั้งยุโรปแบบที่พัฒนาแล้ว ยุโรปกำลังพัฒนา

และผมเชื่อหลายท่านคงไม่อยากลงทุนยุโรปแบบกรีซใช่ไหมครับ

ซึ่งเท่าที่ผมทำการวิเคราะห์ดูแล้วนั้นกองทุนหุ้นยุโรปที่ขายอยู่ในประเทศไทยนี้ ไปลงทุนในกองทุน Master Fund คนละกองทุนกัน จะมีเพียงของทุนของ บลจ. กสิกรไทย และ บลจ. กรุงศรี เท่านั้นที่มีการลงทุนในกองทุน Master Fund กองเดียวกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่กว่า 80% นั้นกองทุนหุ้นยุโรปเหล่านี้จะเน้นลงทุนบริษัทขนาดใหญ่ (market cap สูงๆ) และมีเพียง 2 กองทุนของ บลจ. กรุงไทย และ บลจ. ยูโอบี เท่านั้นที่ลงทุนหุ้นขนาดเล็ก และโดยเฉลี่ยจากพอร์ตการลงทุนกองทุนหุ้นยุโรปนี้เกือบ 40% จะเน้นลงทุนบริษัทในประเทศอังกฤษ 18% ลงทุนในเยอรมัน 14% ในฝรั่งเศส และลงทุนอิตาลีและสเปนใกล้เคียงกันที่ 5-6%

จริงๆแล้วนั้นผมอยากให้นักลงทุนทำการดูให้ลึกไปมากกว่านี้อีก อาทิเช่น กลุ่มอตุสาหกรรมที่กองทุนลงทุน รวมไปถึงหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนลงทุนอยู่ซึ่งบางทีอาจจะเป็นหุ้นที่เราไม่รู้จักเลยก็เป็นได้ และนั้นยิ่งเป็นเหตุผลที่เราควรยิ่งจะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งข้อมูลหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ตาม Fund Factsheet กองทุน Master Fund หรือไม่นักลงทุนก็ควรถามหาข้อมูลตรงส่วนนี้เพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ขายหน่วยลงทุนให้กับเรา หรือสอบถามความเห็นทางการลงทุนกับผู้จัดการกองทุนก็ได้

ตัวอย่างการลงทุนของกองทุน Master Fund - Allianz Europe Equity Growth

Europe

ที่มา: Morningstar Direct

และไม่ใช้เฉพาะการลงทุนในหุ้นยุโรปเท่านั้น ผมอยากแนะนำให้ผู้ลงทุนทำแบบนี้กับการลงทุนในทุกประเภทสินทรัพย์เพื่อประโยชน์ต่อการลงทุนของท่านเอง อาจจะดูซับซ้อนและยากไปหน่อยแต่เชื่อผมเถอะครับว่าคุ้มค่าเสียเวลาอย่างแน่นอน การลงทุนโดยปราศจากความรู้และเข้าใจในสิ่งที่ลงทุนอยู่นั้นอันตรายเป็นอย่างมากครับ

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Kittikun Tanaratpattanakit

Kittikun Tanaratpattanakit  Senior Research Analyst