กำลังจะมีกอง LTF เปิดใหม่แล้วนะ รู้ยัง

ใครยังไม่ได้ลงทุนกองทุน LTF ในรอบปีนี้ เชิญฟังทางนี้ครับ

Facebook Twitter LinkedIn

          ผ่านมาแล้วครับ 8 เดือนแรกของปี 2559 ตลาดหุ้นไทย SET Index โดดเด่นเป็นอย่างมากสร้างผลตอบแทนสูงกว่า 20% ดัชนีอยู่ที่ประมาณ 1540-1550 จุด ซึ่งใครที่ไม่ได้ลงทุนไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้คงจะรู้เสียดายกันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์เงินเดือนหรือบุคคลผู้มีรายได้ที่ต้องสียภาษีและเลือกใช้กองทุนคู่แฝดยอดฮิตเป็นหนึ่งในเครื่องมือทั้งลงทุนและบริหารภาษี

ซึ่งจะว่าเป็นแล้วจากตัวเลขประมาณการเงินไหลเข้าออกกองทุนทั้ง 2 ประเภทที่ช่วง 8 เดือนแรกที่ผ่านมาที่ทาง Morningstar ได้ทำการคำนวณไว้นั้นก็บ่งชี้ว่า นักลงทุงส่วนใหญ่ยังไม่ได้เริ่มลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทกันเลย กลับกันส่วนใหญ่จะเน้นทำการขายออกด้วยซ้ำไป โดยนับแต่ต้นปี 2559 นี้ มีเงินไหลออกสุทธิรวมกันของกองทุนทั้ง 2 ประเภทนี้แล้วกว่า 20,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินไหลออกสุทธิในส่วนของ LTF ประมาณ 18,000 ล้านบาท และ RMF มีเงินไหลออกสุทธิประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาซึ่งจะมีเงินไหลออกเฉลี่ยเพียงไม่เกิน 5,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากผลตอบแทนจากการลงทุนที่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้กองทุน LTF และ RMF ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยสามารถทผลตอบแทนเฉลี่ยได้สูงถึงเกือบ 10% ต่อปี ประกอบกับสถานการณ์ทางการลงทุนที่ไม่แน่นนอนในช่วงต้นของปีจึงส่งผลให้นักลงทุนยังคงลังเลที่จะลงทุน อีกทั้งยังมีเรื่องของเกณฑ์การลงทุนในส่วนของ LTF ที่ได้เปลี่ยนจากเดิมที่ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีปฎิทินนั้นหากใครลงทุนในปีนี้ก็ต้องถือไว้อย่างน้อย 7 ปีปฎิทิน ซึ่งนักลงทุนบางส่วนอาจจะต้องมีการบริหารสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้นตรงจุดนี้

และอีกหนึ่งข่าวสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน LTF ที่เพิ่งจะมีการอัพเดทกันสดๆร้อนๆในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้นั้นก็คือ การที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ในการยกเลิกเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ว่าต้องเป็นเงินได้ที่จ่ายค่าซื้อในกองทุนดังกล่าวที่จดทะเบียนภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2550

ตรงนี้แปลความง่ายๆได้ว่า บลจ.สามารถจัดตั้งกองทุน LTF กองใหม่ได้ใหม่ ซึ่งได้ข่าวว่ามีหลาย บลจ. กำลังยื่นขออนุมัติจัดตั้งกับทาง ก.ล.ต. อยู่และคาดว่าน่าจะออกได้ทันกันก่อนสิ้นปีนี้ด้วยเช่นกัน

แล้วมันจะมีผลต่อเราอย่างไร? เพราะเนื่องจากปัจจุบันกองทุน LTF ที่มีอยู่นั้นก็เยอะมากมายอยู่แล้ว (ปัจจุบันมี 52 กองทุน) แน่นนอนที่สุดอย่างแรกเลย เราจะได้มีโอกาสลงทุนในกองทุน LTF ที่มีสไตล์การลงทุนแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมที่มีอยู่ อาทิเช่น กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก หรือเน้นลงทุนในหุ้นที่มึความผันผวนต่ำ หรือเน้นลงทุนในหุ้นที่มีธรรมาภิบาล ซึงหาไม่มีใน 52 กองทุน LTF ในปัจจุบันเนื่องจากส่วนใหญ่กองทุน LTF จะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap)

และผลอีกอย่างหนึ่งที่ตามมาก็คือ ผู้ลงทุนสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีมากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีการลงทุนที่หลากหลายสไตล์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน เรื่องของการกระจายความเสี่ยงนี้หลายคนคิดว่าการซื้อกองทุนหลายๆกองก็ถือเป็นการกระจายแล้วเสี่ยงแล้ว ซึ่งประเด็นจริงมันอยู่ที่แต่ละกองทุนที่ท่านลงทุนั้นมีสไตล์การลงทุนแตกต่างกันหรือไม่ เพราะไม่ใช้ว่าท่านลงทุน 5 กองทุน LTF แต่ทั้งหมดนั้นมีสไตล์ลงทุนในขนาดใหญ่เหมือนกันหมด อย่างนี้ก็ถือว่าไม่ได้กระจายความเสี่ยงนะครับ

การยกเลิกเกณฑ์ดังกล่าวนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะ บลจ. น้องใหม่ที่ยังไม่มีกองทุน LTF เป็นของตัวเองก็คงได้มีโอกาสออกกองทุน LTF กันและส่งผลให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นไปด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ประโยชน์ต่างๆที่ผมเล่าให้ฟังมาทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าท่านไม่ได้ลงทุนนะครับ ส่วนเรื่องเทคนิดในการลงทุนทั้ง LTF และ RMF ผมจะมาเล่าให้ฟังกันในโอกาสต่อไปนะครับ

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Kittikun Tanaratpattanakit

Kittikun Tanaratpattanakit  Senior Research Analyst