ผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนรวมแบ่งกลุ่ม Morningstar Category ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นสุดเดือนพฤษภาคมนั้น ยังให้ผลตอบแทนที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งหลักๆยังคงเกิดจากหลากหลายปัจจัยที่ไม่แน่นอนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
มีเพียงกองทุนประเภท Commodities Energy ที่ยังทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างโดดเด่นในปีนี้ โดยทำได้ถึง YTD +13.77% และ 1Y + 34.53% (แต่ผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วง 3Y และ 5Y ยังติดลบอยู่อย่างมาก)
ในขณะที่ประเภทกองทุนหุ้นนั้นมีเพียงไม่กี่กลุ่มที่ยังมีผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวก เช่น กลุ่ม Property Indirect +3.44%, Global Health Care +2.34%, US Equity +1.95% และ China Equity +0.81%
ในทางกลับกัน กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ก็เริ่มให้ผลตอบแทนติดลบ ที่ -1.96% ส่วนกองหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กนั้นทำผลตอบได้ไม่ดีนักที่ -5.72% เช่นเดียวกับกองทุนหุ้นในตลาดต่างประเทศเกือบทุกตลาดทำผลตอบแทนติดลบทั้งสิ้นนำโดย India Equity -7.15%, Asean Equity -6.93%, และEmerging Market Equity -5.89%
ปีนี้นับเป็นอีกปีที่น่าท้าทายสำหรับธุรกิจกองทุนรวมไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นนักลงทุนควรมีการจัดสรรสินทรัพย์ในการลงทุน (Asset allocation) ที่ดี เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนของท่าน และสามารถสร้างผลตอบแทนตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ในระยะยาวนะคะ
ที่มา: Morningstar Direct, ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2561