หุ้นญี่ปุ่นที่ยังมีแนวโน้มดี

สำหรับตลาดหุ้นญี่ปุ่นมี 3 เรื่องต่อไปนี้ที่ต้องติดตาม ได้แก่ ค่าเงินเยน, การปรับขึ้นค่าแรง และโรบอท 

Morningstar 13/11/2566
Facebook Twitter LinkedIn

สำหรับตลาดหุ้นญี่ปุ่นมี 3 เรื่องต่อไปนี้ที่ต้องติดตาม ได้แก่ ค่าเงินเยน, การปรับขึ้นค่าแรง และโรบอท โดยปีนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังให้ผลตอบแทนที่ดีเห็นได้จาก Morningstar Japan index ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน +26.0% ขณะที่ Morningstar Hong Kong index -16.8%, Morningstar Singapore index +0.5% และ Morningstar Canada index +2.7% แต่อย่างไรก็ดีด้วยค่าเงินเยนที่อ่อนค่าแม้ว่าจะช่วยให้การส่งออกและกำไรของบริษัทต่างๆในญี่ปุ่นดีขึ้นก็ตาม แต่ก็ทำให้ผลตอบแทนของนักลงทุนต่างชาติที่ได้จากการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นถูกหักล้างกันไปจากผลของค่าเงินเยนที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นนั่นเอง

เมื่อไหร่อัตราดอกเบี้ยจะอยู่สูงกว่าระดับ 0%

Thomas Poullaouec หัวหน้าส่วนงาน multi-asset solutions ที่ T Rowe Price ยังคงให้น้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มากกว่าตลาด (Overweight) ขณะที่น้ำหนักการลงทุนในหุ้นโดยรวมของพอร์ตการลงทุนยังคงน้อยกว่าตลาด (Underweight) เนื่องจากเชื่อว่าค่าเงินเยนจากนี้จะแข็งค่าขึ้นตามแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นน่าจะปล่อยให้มีแนวโน้มสูงขึ้นจากที่ติดลบได้ หลังจากที่เชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นค่าแรงงานในช่วงของการเจรจาปรับขึ้นค่าแรงในญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่าเทศกาล ‘shunto’ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้

อัตราเงินเฟ้อยังเป็นเรื่องที่ดี

Lorraine Tan หัวหน้าส่วนงานตราสารทุนในเอเชียของ Morningstar เชื่อว่าแม้อัตราเงินเฟ้อจะปรับเพิ่มขึ้นแต่ก็จะเป็นการช่วยให้เกิดการลงทุนและทำให้กิจกกรมทางเศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ความต้องการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นเช่นกัน

1

อย่างไรก็ดีแทนที่จะเน้นเรื่องการบริโภคในประเทศที่ขยายตัวแต่ Lorraine Tan ให้ความสำคัญต่อหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อยกว่าตลาดในปีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกอย่างเช่น  Harmonic Drive Systems, Nabtesco Corp, Daifuku และ Fanuc เป็นต้น เนื่องจากหากแนวโน้มภาคการผลิตในอุตสาหกรรมทั่วโลกรวมถึงจีนดีขึ้น บริษัทที่มีคุณภาพดีเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุน

หุ้นธนาคารในญี่ปุ่นการปรับขึ้นจากนี้มีจำกัด

Lorraine Tan เชื่อว่าการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินในปีนี้ค่อนข้างเยอะพอสมควรแล้วและแม้ว่าที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่เลือกลงทุนก็ตามแต่ก็เชื่อว่าโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีกจากนี้คงจำกัด ด้าน Oliver Lee หัวหน้าการลงทุนที่ Eastspring Investments กล่าวว่าปัจจุบันได้ขายทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินและยานยนต์ และย้ายเงินลงทุนไปยังหุ้นกลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ รวมถึงกลุ่มปิโตรเคมีมากขึ้นแทนเนื่องจากที่ผ่านมาราคายังไม่ได้ปรับขึ้นตามตลาดจากความต้องการและราคาผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ฟื้นตัว

ท่านนักลงทุนสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนกลุ่ม Japan Equity ได้ที่  https://bit.ly/40zCYEa

 

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar