ผลตอบแทนเฉลี่ยกองทุนรวม

กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ไม่ว่าไทยหรือต่างประเทศยังเป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวก ซึ่งสะท้อนลักษณะของประเภททรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำท่ามกลางตลาดผันผวนในขณะที่กลุ่มกองทุนส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในไตรมาสแรกติดลบ โดยกลุ่มกองทุนตราสารทุนสะท้อนภาพที่ชัดเจนถึงตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงอย่างมากจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะหดตัวลงขณะที่สถานการณ์โรคระบาดที่ยังไม่อาจบอกได้ว่าจะคลี่คลายได้เมื่อใด

กลุ่มกองทุนน้ำมัน (Commodities Energy) เป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบมากที่สุดถึง -52.1% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมากตามสถานการณ์สงครามราคาน้ำมันในเดือนมีนาคมระหว่างกลุ่ม OPEC โดยเฉพาะระหว่างประเทศซาอุดิอาระเบียและรัสเซียที่แม้จะอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะลดลงแต่ได้มีการประกาศว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งฉุดให้ราคาน้ำมันลดลงอย่างรุนแรงไปที่ระดับ 20-30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 17 ปี

กองทุนทองคำ (Commodities Precious Metals) เป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดในไตรมาสแรกที่ 9.2% โดยเป็นไปตามราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี 2019 ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังมีความเสี่ยงสูง

กลุ่มกองทุนตราสารทุนที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบมากที่สุดในไตรมาสแรกคือกองทุนหุ้นไทยทั้งสองกลุ่มคือ Equity Small/Mid-Cap -27.9% และกลุ่ม Equity Large-Cap -27.3% ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นประเทศไทยยังถือว่า underperform ตลาดอื่นค่อนข้างมากจากที่ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ต่ำกว่าตลาดอื่นอยู่เดิมมาตั้งแต่ปี 2019

กลุ่มกองทุน Global Technology เป็นกลุ่มตราสารทุนที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบน้อยที่สุดที่ -10.1% ตามมาด้วยกองทุนหุ้นจีน (China Equity) -10.2% และ Global Healthcare -10.4% ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้มีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงเป็นอันดับต้น ๆ ในปี 2019