เปรียบเทียบกองทุน Semiconductor

จากวิถีชีวิตมนุษย์ที่มีความต้องการใช้อุปกรณ์ไอทีหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่รอบตัวเราไม่ว่าจะเป็น smartphone คอมพิวเตอร์ ทีวี ตู้เย็น ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ต่างก็ต้องมีส่วนของชิปเป็นส่วนประกอบ ทำให้ชิ้นส่วนสำคัญอย่าง Semiconductor มีความต้องการเพิ่มขึ้น

Morningstar 01/07/2564
Facebook Twitter LinkedIn

จากวิถีชีวิตมนุษย์ที่มีความต้องการใช้อุปกรณ์ไอทีหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่รอบตัวเราไม่ว่าจะเป็น smartphone คอมพิวเตอร์ ทีวี ตู้เย็น ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ต่างก็ต้องมีส่วนของชิปเป็นส่วนประกอบ ทำให้ชิ้นส่วนสำคัญอย่าง Semiconductor มีความต้องการเพิ่มขึ้น

ในช่วงการระบาดของโควิด-19 เกิดความต้องการอุปกรณ์ไอทีอย่างมาก ทำให้ความต้องการ Semiconductor เร่งตัวขึ้น นอกจากนี้การขุดคริปโตที่ต้องใช้การประมวลผลที่มีประสิทธิภาพก็ยิ่งทำให้มีความต้องการผลิดภัณฑ์นี้สูงขึ้น จึงนำไปสู่การขาดแคลน Semiconductor ทั่วโลก

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บลจ.ในประเทศไทยเริ่มออกกองทุนที่เน้นลงทุนเกี่ยวกับ Semiconductor มาให้เห็นกันบ้างแล้วเช่น บลจ.ไทยพาณิชย์, บลจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์, บลจ.เกียรตินาคินภัทร ที่ออกขายกองทุนรูปแบบกองทุนฟีดเดอร์ ในขณะที่บลจ.วี เป็นลักษณะ fund of funds โดยกองทุน SCB Semiconductor เป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่าราว 1.2 พันล้านบาท ซึ่งกองทุนจากบลจ.ทั้ง 4 นี้ไปลงทุนใน 3 กองทุนอีทีเอฟ ตามตารางด้านล่างนี้

semicon

หากไปดูที่การลงทุนของทั้ง 3 กองทุน จะพบว่ากองทุน Invesco Dynamic จะมีการลงทุนที่ต่างออกไปจากอีก 2 กองทุนจากคะแนน Common Holdings ที่ 0.54 เมื่อเทียบกับ iShares PHLX และ 0.48 เมื่อเทียบกับ VanEck Vectors (ค่า Common Holding ที่ 1.0 หมายถึงมีการลงทุนเหมือนกัน 100%) ในขณะที่ iShares และ VanEck Vectors มีความคล้ายกันมากกว่าที่คะแนน 0.75 โดยทั้ง 2 กองทุนจะมีการลงทุนในบริษัทที่มีขนาดใหญ่มากกว่า ตัวอย่างบริษัทที่ลงทุนได้แก่ NVIDIA, Intel, Taiwan Semiconductor, Texas Instruments, Qualcomm และ Broadcom เป็นต้น ในขณะที่กองทุน Invesco Dynamic จะลงทุนในบริษัทขนาดกลางถึงใหญ่

semicon

semicon

ในแง่ของผลตอบแทนกองทุน Semiconductor ถือว่ามีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หรือกว่า 30%-60% (ยกเว้นในปี 2018 ที่มีประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่ง Semiconductor เป็นหนึ่งรายการสินค้าที่ได้รับผลกระทบ) และในปีนี้มีผลตอบแทนสะสมที่ระดับ 20%

semicon

(หมายเหตุ กองทุน VanEck Vectors Semiconductor ETF เริ่มเปิดเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2020 จึงมีเพียงข้อมูลผลตอบแทนในช่วงปีนี้)

แม้ทั้ง 4 กองทุนรวมไทยที่เปิดให้ได้เลือกลงทุนนี้จะเน้นในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ก็ถือว่ามีความแตกต่างกันบ้างในรายละเอียดการลงทุน นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญ โดยมอร์นิ่งสตาร์ได้ทำการสรุปข้อมูลค่าธรรมเนียมที่ควรทราบดังนี้

fee

การลงทุนในกองทุน Semiconductor เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมหรืออาจมีความผันผวนกว่ากองทุนที่กระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมได้ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อที่จะได้บรรลุวัตถุประสงค์การลงทุนตามระยะเวลาที่วางแผนไว้

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar