ความเสี่ยงท่ามกลางสภาวะ 'Great Resignation'

Great Resignation ทำให้นักลงทุนต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อบริษัทต่างๆ ที่หลายบริษัทให้ความสำคัญ แต่การเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ขององค์กรอาจเป็นไปได้ยาก

Morningstar 22/11/2564
Facebook Twitter LinkedIn

หลังจากในช่วงเดือนกันยายนที่มีจำนวนคนลาออกจากงานมากถึง 4.4 ล้านคน (Great Resignation) ทำให้นักลงทุนต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อบริษัทต่างๆ ด้วย ซึ่งโดยปกติประเด็นเรื่อง Employee turnover นั้นเป็นสิ่งที่หลายๆ บริษัทให้ความสำคัญอยู่แล้ว เนื่องจากพนักงานถือเป็นสินทรัพท์ที่สำคัญขององค์กร แต่การเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ขององค์กรต่างๆ อาจเป็นไปได้ยาก ดังนั้นในมุมของ ESG อาจดูเรื่องความเสี่ยงของแรงงานได้จากประเด็นดังต่อไปนี้

การพึ่งพาแรงงานและทักษะแรงงาน

หากบริษัทใดๆ ก็ตามต้องพึ่งพาแรงงานจำนวนมากและพึ่งพาทักษะของแรงงานเป็นหลักในการผลิตสินค้าและบริการ ย่อมมีความเสี่ยงที่สูงต่อบริษัทดังกล่าว เพราะนั่นหมายความว่ารายได้และความสำเร็จของบริษัทขึ้นอยู่กับพนักงานเป็นหลักและพนักงานก็มักจะมีอำนาจต่อรองที่สูง ดังนั้นบริษัทที่พึ่งพาทักษะแรงงานสูงก็จะมีความเสี่ยงเรื่องการปรับขึ้นค่าแรง การลาออกของพนักงาน และประสิทธิภาพขององค์กร ซึ่งเราสามารถวัดว่าบริษัทนั้นๆ พึ่งพาพนักงานมากน้อยแค่ไหนโดยการเปรียบเทียบรายได้ของบริษัทต่อจำนวนพนักงานในองค์กร ยิ่งสัดส่วนรายได้ต่อพนักงานต่ำยิ่งแปลว่าองค์กรนั้นมีปัญหาเรื่องแรงงาน

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการเพิ่มทักษะของแรงงานด้วยการจัดอบรมให้ความรู้และพัฒนาทักษะแรงงาน ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายของพนักงานสูงขึ้นมากเช่นกัน รวมถึงการที่บริษัทพึ่งพาทักษะความสามารถที่สูงหรือเฉพาะทางของแรงงาน ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงในการหาพนักงานใหม่ๆ มาทดแทนคนเก่าที่ลาออกและอาจต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สูงจากการต้องพึ่งพาทักษะความสามารถที่สูงด้วย

สหภาพแรงงาน

หากในองค์กรมีความสัมพันทธ์ที่ดีต่อกันกับพนักงาน ย่อมทำให้ประสิทธิภาพการทำงานออกมาดีขึ้น การหยุดหรือผละงานลดลง และอัตราการจ่ายค่าจ้างมีเสถียรภาพ ในทางกลับกันหากมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีก็ย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงและอาจเกิดค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามมา ซึ่งการวัดเรื่องดังกล่าวอาจดูที่สหภาพแรงงานขององค์กรต่างๆ ซึ่งมักจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่มผู้ถือหุ้นและมีผลต่อต้นทุนแรงงานให้สูงขึ้นได้ โดยปกติแล้วบริษัทที่มีกลุ่มสหภาพแรงงานขนาดใหญ่หรือมีพนักงานเข้าร่วมจำนวนมากก็มักจะมีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการมีสหภาพแรงงานก็ทำให้แรงงานมีสัมพันธ์ภาพที่ดีต่อกัน สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาทักษะแรงงาน การส่งเสริมเรื่องความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน ซึ่งท้ายสุดก็อาจส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทได้

ความหลากหลายทางเพศของแรงงาน

องค์กรที่มีความหลากหลายของแรงงานก็ควรจะมีทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์การทำงานของพนักงาน เพราะแรงงานในปัจจุบันให้ความสำคัญต่อองค์กรที่จะเลือกเข้าไปทำงานมากขึ้น หากบริษัทใดไม่ปรับตัวในการเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับเรื่องดังกล่าวก็อาจเผชิญการเปลี่ยนงานของพนักงานมากขึ้น การมีค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่สูงขึ้น และประสิทธิภาพของงานที่ลดลง ซึ่งจากข้อมูลที่ศึกษาบ่งชี้ได้ว่าการมีความหลากหลายทางเพศทำให้อัตราการหมุนเวียนของพนักงานนั้นลดลงได้

สำหรับนักลงทุน

จากการวิเคราะห์ข้อมูลด้านต่างๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้น จะพบว่ามีบางอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงในเรื่องเหล่านี้อยู่มาก เช่น Entertainment software, Biotechnology และ Investment banking และบริษัทที่มีความเสี่ยงมากๆ ก็จะนำไปสู่การมีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มตามมาและส่งผลต่อมูลค่ากิจการลดลงได้ในที่สุด นอกจากนี้แต่ละบริษัทหรืออุตสาหกรรมก็มีลักษณะเฉพาะตัว ดังนั้นข้อมูลที่ติดตามก็อาจมีหลากหลายทางเลือกมากขึ้น เช่น ดูอัตราการรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กร ระยะเวลาตำแหน่งว่างของตำแหน่งงานที่เปิดรับ อัตราการขึ้นค่าจ้าง โปรแกรมหรือค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงานใหม่ เป็นต้น

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar