8 ภาพของตลาดการเงินสหรัฐในปี 2021

ตลาดหุ้นสหรัฐในปี 2021 ปิดท้ายปีเกือบ New high อีกครั้งและยังเป็นการโตในระดับ Double-digit ต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกันทำให้ถือเป็นช่วงที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 24 ปีที่ผ่านมา

Morningstar 10/01/2565
Facebook Twitter LinkedIn

ตลาดหุ้นสหรัฐในปี 2021 ปิดท้ายปีเกือบ New high อีกครั้งและยังเป็นการโตในระดับ Double-digit ต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกันทำให้ถือเป็นช่วงที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 24 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งแม้ว่าจะยังอยู่ภายใต้การระบาดของไวรัสโคโรนาก็ตาม ทั้งนี้ The Morningstar U.S. Market index ได้ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 25.9% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับ Bond yield ตราสารหนี้ที่ปรับสูงขึ้นจากความกังวลต่อการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ราคาพันธบัตรปรับลดลงและทำให้ผลตอบแทนตลาดตราสารหนี้ในปีที่ผ่านมานั้นแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013

exh1

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Small value ที่ทำผลตอบแทนได้ดีอย่างมากในปีที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่หรือกลุ่ม FAANG (Facebook (Meta), Apple, Amazon.com, Netflix, และ Google) กลับมี Performance แย่ลงในปีที่ผ่านมา

ขณะที่ผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้อย่าง Morningstar U.S. Core Bond และ Morningstar U.S. Treasury Bond indexes ให้ผลตอบแทนติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013 และ Morningstar Global ex. U.S. Treasury bond index ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2005 โดยมีเพียงกลุ่ม High-yield และ Inflation-protected bonds ที่ยังทำ Performance ได้ดีในปีที่แล้ว

exh2

ตลาดหุ้นสหรัฐให้ผลตอบแทนในไตรมาสสุดท้ายของปีถึง 9.5% แม้ว่าในช่วงเดือนธันวาคมจะเกิดการแพร่ระบาดของ Omicron ก็ตาม แต่ก็ปรับขึ้นทำ New high ทั้งนี้ U.S. Market index แตะระดับ new highs ถึง 66 ครั้งในปีที่ผ่านมา และยังเอาชนะหุ้นกลุ่ม International stocks ได้ในทุกไตรมาส โดย The Morningstar Global Markets ex-U.S. index ให้ผลตอบแทนเพียง 8.4% ตามหลัง U.S. market index ถึง 17% ส่วน Emerging markets ผลตอบแทนที่ติดลบเนื่องมาจากตลาดหุ้นจีนที่แย่ลง

exh3

ผลจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นในทุกส่วน ทำให้ Sector ที่เคยปรับลดลงอย่างมากในปี 2020 ก็ปรับเพิ่มขึ้นในปี 2021 อย่างเช่นหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น 55.7% จากที่ก่อนหน้าติดลบ 32% ในปี 2020 ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 58% ในปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ฟื้นตัวขึ้น รวมไปถึงกลุ่มโรงแรมที่ได้ประโยชน์จากการเร่งฉีดวัคซีนและการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแม้ว่าจะปรับขึ้นไม่มากแต่ก็ดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 โดยเฉพาะพวก Semiconductor ส่วนหุ้นกลุ่ม Communication services จากที่เคยดีในปี 2020 ผลตอบแทนกลับแย่ลงในปี 2021 อย่างเช่น Zoom (ZM), Zillow (Z) และ Disney (DIS)

exh4

ในปี 2020 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนั้นได้ประโยชน์จากการที่คน Stay-at-home ขณะที่หุ้นกลุ่ม Value stocks นั้นแย่จากการที่เศรษฐกิจหดตัว ส่วนในปี 2021ผลตอบแทนของหุ้นทั้ง 2 กลุ่มก็ตรงกันข้ามอีกรอบ โดยหุ้นกลุ่ม Value stocks ทั้ง Mid-cap value และ Small-value กลับ Outperform หุ้นกลุ่มที่เป็น Growth stocks อย่างไรก็ตามในระยะยาวแล้วจะพบว่าหุ้นกลุ่ม Growth stocks ก็ยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า Value stocks อยู่ดี

exh5

สำหรับตลาดตราสารหนี้ในปีที่ผ่านมายังให้ผลตอบแทนได้ไม่ดีนักเนื่องจากนักลงทุนกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อทำให้ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเพื่อรับผลตอบแทนที่มากขึ้น ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมาโดยแตะระดับ 1.75% ในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและการลดมาตรการอัดฉีดทางการเงินของ FED

exh6

exh7

ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลถูกกระทบจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างมาก โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐให้ผลตอบแทนติดลบ 2.3% แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 นอกเหนือจากสหรัฐแล้วพันธบัตรรัฐบาลประเทศอื่นๆ (Global Govt ex US) ผลตอบแทนติดลบ 11% แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2005  โดยมีเพียงกลุ่ม High-yield และ Inflation-protected bonds เท่านั้นที่ยังให้ผลตอบแทนเป็นบวกในปีที่ผ่านมา

exh8

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar