สรุปภาวะตลาดการเงินสหรัฐไตรมาส 3/2022

ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับลดลงเข้าสู่ภาวะ Bear-market และ Bond yield ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปี หลังจากที่เงินเฟ้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นและธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ 

Morningstar 10/10/2565
Facebook Twitter LinkedIn

ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับลดลงเข้าสู่ภาวะ Bear-market และ Bond yield ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปี หลังจากที่เงินเฟ้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นและธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมถึงธนาคารกลางในประเทศอื่นๆก็เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่เหตุความขัดแย้งในยูเครนและรัสเซียยังคงยืดเยื้อต่อไป

1

ดัชนีที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 3 ลำดับแรกได้แก่ Morningstar Turkey Index (เนื่องจากธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย), Morningstar Brazil index และ Morningstar India index ตามลำดับ ขณะที่ Morningstar UK Core Bond Index ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในไตรมาสนี้เมื่อเทียบกับช่วงอื่นที่ผ่านมาเนื่องจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงอย่างมาก

2

ตลาดหุ้น

ในช่วงต้นไตรมาส 3 ตลาดหุ้นยังปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าอัตราเงินเฟ้อได้ผ่านจุด Peak ไปแล้ว อย่างไรก็ดีปรากฏว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนกันยายนยังคงอยู่ในระดับที่สูง ทำให้ Fed ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่สูงอีกต่อเนื่องและส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ FedEx (บริษัทขนส่งสินค้า) ยังส่งสัญญาณปรับลดผลประกอบการในอนาคตลงจากความกังวลต่อภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอีกเช่นกัน ทำให้ตลาดหุ้นปรับลดลงและปิดไตรมาสติดลบ 4.6%

3

สำหรับหุ้นกลุ่มที่ให้ปันผลสูง (Dividend stocks) แม้จะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 แต่ในไตรมาส 3 ก็ปรับลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ดีกลุ่มที่เป็น Growth stocks กลับยืนได้ดีในไตรมาสดังกล่าวและราคาปรับลงน้อยกว่าหุ้นกลุ่ม Value ที่ในอดีตเคยให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า Growth stocks ด้วยซ้ำ

4

5

สำหรับผลตอบแทนแบ่งตาม Sectors จะพบว่าหุ้นในกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจอย่างเช่น Tesla, Amazon, Starbucks กลับให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงดังกล่าวแม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม ตรงข้ามกับกลุ่ม Consumer stocks อย่างเช่น Walmart, Home Depot ที่ผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาค่อนข้างดีแต่ราคาหุ้นกับไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนหุ้นกลุ่มที่ปรับลดลงอย่างมากในไตรมาสนี้ได้แก่ Google, Facebook, Verizon เนื่องจากค่อนข้าง Sensitive ต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้คาดการณ์ Earnings growth ในอนาคตปรับลดลง

6

แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น

อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ ถูกปรับเพิ่มขึ้นครั้งละ 0.75% ในช่วงเดือนกรกฎาคมและกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราการปรับขึ้นที่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับอดีต และทำให้ดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ 3.00%-3.25% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 นอกจากนี้ Fed ยังส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้และคาดว่า Fed fund rate สิ้นปีจะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 4.4% สูงขึ้นจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 3.4%

7

ผลตอบแทน U.S. Treasuries ก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดย 10-year U.S. Treasury เพิ่มขึ้นเป็น 3.83%ในช่วงสิ้นเดือนกันยายนและสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2010 ขณะที่ Two-year Treasury yield ปรับขึ้นเป็น 4.22% ส่งผลให้ตลาด Bond อยู่ในภาวะ Inverted yield curve หรือการที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวนั่นเอง

8

ตลาดตราสารหนี้

ดัชนีราคาตราสารหนี้ปรับลดลงอย่างมากในไตรมาส 3 ทั้ง Morningstar's fixed-income indexes, Core bonds, Global treasuries และ Long-term U.S. treasuries ซึ่งเป็นผลจาก Bond yields ที่ปรับสูงขึ้นทำให้ราคาตราสารปรับลดลง

9

ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง

ค่าเงินดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ  ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกทำให้มีความต้องการถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อสร้างผลตอบแทนและเป็นแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยในช่วงนี้ โดยในไตรมาส 3 ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 8.6% ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลง 6.8% และเงินเยนอ่อนค่าลง 15.2%

ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ายังส่งผลทำให้ผลประกอบการภาคธุรกิจในสหรัฐที่มีรายได้จากการส่งออกมีแนวโน้มปรับลดลงอีกเช่นกัน เนื่องจากสินค้าจะมีราคาแพงขึ้นโดยเปรียบเทียบ

10

สินค้า โภคภัณฑ์

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับลดลงในไตรมาสนี้ รวมถึงราคาทองคำซึ่งเป็นเหมือน Safe haven ก็ยังปรับลดลง 8.2% ยกเว้นข้าวสาลีที่ราคายังเพิ่มขึ้น 10.9% เนื่องจาก Supply ยังถูกกระทบจากประเด็นยูเครน-รัสเซีย

11

Cryptocurrency

ตลาด cryptocurrencies ยังคงผันผวนในไตรมาสนี้ โดยราคา Bitcoin ปรับลดลงปิดไตรมาสอยู่ที่ $19,431 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ลดลงถึง 57% ส่วนราคา Ether เป็นบวกขึ้นมาเล็กน้อยในไตรมาสที่ 3

12

แนวโน้มตลาดหุ้นและตราสารหนี้

ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้คาดว่าจะยังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่องจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับลดลงหรือดีขึ้น ขณะที่ภาพเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มชะลอตัวและ Fed ยังคงส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ นักลงทุนจึงควรลงทุนด้วยความระมัดระวังภายใต้ตลาดการเงินที่ยังคงผันผวนต่อไปจากนี้

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar