การลงทุนกลุ่ม Semiconductor

ในปีนี้การลงทุนหุ้น semiconductor เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลงค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามข่าวการเข้าซื้อหุ้น Taiwan Semiconductor Manufacturing ของ Berkshire Hathaway ทำให้กลุ่มนี้กลับมาได้รับความสนใจ

Morningstar 17/11/2565
Facebook Twitter LinkedIn

ในปีนี้การลงทุนหุ้น semiconductor เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลงค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามข่าวการเข้าซื้อหุ้น Taiwan Semiconductor Manufacturing มูลค่า 4.1 พันล้านดอลลาร์ของ Berkshire Hathaway ทำให้กลุ่มนี้กลับมาได้รับความสนใจ

หากไปดูในแง่ของมูลค่าหุ้น นักวิเคราะห์มอร์นิ่งสตาร์มองว่าเป็นกลุ่มที่หุ้นหลายบริษัทมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น จากราคาหุ้นกลุ่มนี้ที่ปรับลงในช่วงปีนี้ ประกอบกับแรงกดดันจากทางสหรัฐที่จะห้ามขายชิ้นส่วน semiconductor แก่จีน ซึ่งมีผลให้รายได้ผู้ผลิตชิปต้องได้รับผลกระทบไปด้วย โดยจากหุ้นกลุ่ม semiconductor 24 ตัวที่มีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน พบว่า 18 ตัวมีราคา undervalue และมีเรตติ้งที่ 4 ถึง 5 ดาว ทั้งนี้มีหุ้น 5 ดาว 3 ตัวซึ่งหมายถึงราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานอย่างมากซึ่งได้แก่ Skyworks Solutions (SWKS), Teradyne (TER), Taiwan Semiconductor Manufacturing (TSM)

industry

สำหรับหุ้น TSM ทางนักวิเคราะห์ได้ปรับลด fair value ลงไปที่ 133 ดอลลาร์ต่อ ADR โดยเกิดจากการปรับลดอุปสงค์ high-performance computing (HPC) ในปี 2023-2024 และจากความต้องการ PC น้อยลงในปี 2023 รวมทั้งผลจากนโยบายสหรัฐในการห้ามขายสินค้าให้ลูกค้าจากประเทศจีน อย่างไรก็ตามในภาพระยะยาวตลาด HPC จะยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ประกอบกับตัวเลขด้านสินค้าคงคลัง งบค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ลดลง อาจเป็นสัญญาณราคาหุ้นใกล้เคียงจุดต่ำสุด

2

ด้าน Nvidia ซึ่งเป็นอีกบริษัทผู้ผลิต GPU รายใหญ่ที่เดิมมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมเกม ได้มีการเติบโตในธุรกิจ data center จากการนำ GPU ไปใช้มากขึ้น โดยนักวิเคราะห์คาดว่า Nvidia จะเป็นผู้นำตลาดระบบการสอน deep learning และจะมีการแข่งขันในตลาดนี้มากขึ้น ทั้งนี้บริษัทจะยังมีรายได้จากตลาดเกมเป็นสัดส่วนหลักแต่อาจจะเติบโตเทียบเท่ากับช่วงก่อนได้ยาก มอร์นิ่งสตาร์มองว่านักลงทุนระยะยาวจะเห็นว่าบริษัทมีความน่าสนใจมากขึ้นเนื่องจากตลาด data center จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างน้อยแต่ยังต้องระวังสถานการณ์เกี่ยวกับประเทศจีนอยู่

กองทุน Semiconductor ในประเทศไทย

ปัจจุบันมีกองทุน semiconductor จาก 4 บลจ. จำนวน 12 กองทุน (รวมทุกชนิดหน่วยลงทุน) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.2 พันล้านบาท มีเงินไหลออกสุทธิสะสม 10 เดือนรวม 1.9 พันล้านบาท คิดเป็น organic growth -32.7% และจากการปรับตัวลงของราคาหุ้น semiconductor ทำให้ผลตอบแทนกองทุนกลุ่มนี้ติดลบตามไปด้วยเช่นกัน โดยในช่วง 1 ปีมีผลตอบแทนระดับ -30% (ณ 31 ตุลาคม 2022) ใกล้เคียงดัชนี Morningstar Global Semiconductors แต่เมื่อเข้าเดือนพฤศจิกายนกองทุนกลุ่มนี้มีผลตอบแทนปรับตัวขึ้นกว่า 10%  

ในด้านความเสี่ยง ESG ที่วัดได้โดย Morningstar Sustainability Rating มีกองทุน SCB Semiconductor ได้เรตติงระดับ 5 globe หรือหมายถึงความเสี่ยงด้านความยั่งยืนที่ต่ำสุดเมื่อเทียบกับกองทุนในกลุ่มเดียวกัน (Global Category) ทั้งนี้เป็นผลมาจากกองทุนปลายทางคือ VanEck Semiconductor ETF (SMH) ลงทุนตามดัชนีที่นำปัจจัยด้าน ESG มาพิจารณาการลงทุน ทำให้มีการลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยง ESG ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับกองทุนอื่น

trailing

master fof

top holdings

การปรับตัวลงกลุ่ม semiconductor ที่ทำให้ valuation หุ้นบางตัวลงมาต่ำกว่าพื้นฐาน และการเข้าถือหุ้น TSM ของ Berkshire Hathaway ทำให้หุ้นกลุ่มนี้เป็นที่สนใจของตลาด นักลงทุนที่สนใจควรคำนึงถึงความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในการลงทุนของกองทุนกลุ่มนี้ ประกอบกับสัดส่วนกลุ่มเทคโนโลยีในพอร์ตของตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุน รวมทั้งความเสี่ยงจากแนวทางของสหรัฐที่ห้ามการขายชิ้นส่วนแก่จีน ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาหุ้นได้บ้างในบางช่วง

Facebook Twitter LinkedIn

Securities Mentioned in Article

Security NamePriceChange (%)Morningstar Rating
ASML Holding NV ADR918.97 USD1.82Rating
NVIDIA Corp877.35 USD6.18Rating
Taiwan Semiconductor Manufacturing Co Ltd ADR138.30 USD1.26Rating
Teradyne Inc114.13 USD4.79Rating

About Author

Morningstar