เรามาทำความรู้จักกองทุนนี้ผ่านบทสัมภาษณ์กันเลยค่ะ
ท่านมีการวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างไรท่ามกลางภาวะตลาดผันผวน ที่ส่งผลต่อความสำเร็จในปีที่ผ่านมา
กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล (KTSF) มีกลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก มีการกระจายตัวในหุ้นอย่างเหมาะสม โดยจัดพอร์ตการลงทุนแบ่งเป็น 1) Core Portfolio เน้นลงทุนหุ้นที่มีความมั่นคง มีปัจจัยพื้นฐานดี มี Valuation ที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนจาก Capital gain และเงินปันผลในระยะยาว และ 2) Satellite Portfolio ซึ่งเป็นการลงทุนตามทีมการลงทุนในแต่ละช่วงเวลาเพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนระยะสั้น-ปานกลาง โดยกลยุทธ์การผสมดังกล่าวเพื่อมุ่งหวังให้กองทุนมีผลตอบแทนสูงกว่าตัวชี้วัดอย่างสม่ำเสมอ และมีความผันผวนน้อยกว่าความผันผวนของผลตอบแทนของตัวชี้วัดในทุกสภาวะตลาด
ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง การคัดเลือกหุ้นเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งผู้จัดการกองทุนได้ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ติดตามและใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพและปริมาณจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายเพื่อทำการประเมินมูลค่าหุ้น และค้นหาหุ้นที่ราคาตลาดยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กองทุน และการวิเคราะห์เชิงลึกยังช่วยหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสพลาดเป้าประมาณการผลการดำเนินกิจการ ทั้งนี้การประเมินสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่องของผู้จัดการกองทุนจะทำให้สามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ทันต่อสถานการณ์ ช่วยลดความเสี่ยงที่กระทบต่อพอร์ตการลงทุน และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในปีที่ผ่านมา
ท่านคิดว่าอะไรคือจุดแข็งของทีมงานที่ส่งผลให้กองทุนนี้ประสบความสำเร็จ
บลจ. กรุงไทย มีการร่วมกันทำงานแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง ทีมผู้จัดการกองทุน ทีมวิจัยภายใน บลจ. และ คณะกรรมการจัดการลงทุน โดยในทีมลงทุนมีการสื่อสารข้อมูลความคิดเห็นในทีมอย่างสม่ำเสมอ และใช้ความสามารถในการเลือกหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมีความเชี่ยวชาญในแต่ละสถานการณ์ตลาด เพื่อให้สามารถคัดสรรหุ้นและให้น้ำหนักลงทุนรายหุ้นสอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกัน ทีมลงทุนประกอบด้วยบุคคลากรที่มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นมากเพียงพอ มีความหลากหลายในเชิงความคิด มีการศึกษารายละเอียดของหลักทรัพย์และติดตามข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ มีวินัยในการลงทุนตามแผนการลงทุนแต่ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเมื่อสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกันนั้น ทีมวิจัยภายใน บลจ. มีนักวิเคราะห์ช่วยสนับสนุนให้ข้อมูลในเชิงลึก ทำประมาณการผลการดำเนินงาน และให้คำแนะนำในลักษณะของการมองไปข้างหน้าเพื่อประเมินหามูลค่าที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้น และมีคณะกรรมการจัดการลงทุนช่วยกลั่นกรองให้การลงทุนอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม
ท่านมีความเห็นอย่างไรต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้ และประเมินว่าตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่จะมีทิศทางเป็นอย่างไรเทียบกับปี 2022
บลจ. กรุงไทยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2023 จะยังคงอยู่ในทิศทางที่ฟื้นตัว และคาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากปี 2022 โดยมองปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และการบริโภคภายในประเทศที่จะได้รับอานิสงส์จากภาคบริการ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีขึ้น ทั้งนี้ ปัจจัยความเสี่ยงจะมาจากภาคการผลิตสินค้าและการส่งออกที่อุปสงค์ต่างประเทศชะลอตัวลง จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชลอตัวและการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ด้านอัตราเงินเฟ้อคาดว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและอยู่ที่ทิศทางที่จะปรับตัวลดลงอย่างช้าๆ โดยดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปก่อนที่จะมีการปรับตัวลงเมื่อมีการควบคุมภาวะเงินเฟ้อได้ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อไป
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ยังคงมีความผันผวนสูงจากปัจจัยเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่มาจากปัจจัยด้านสภาพคล่องที่ลดลงจากการลดการอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลประเทศต่างๆ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศต่างๆทั่วโลกรวมทั้งไทย ปัจจัยด้านเงินเฟ้อที่แม้ชะลอลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง ความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้า
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยภายในประเทศที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมาจาก ภาคบริการและภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางออกมาท่องเที่ยวต่างประเทศและใช้จ่ายอย่างเต็มที่ หลังอั้นมาเกือบ 3 ปี จะช่วยหนุนภาวะตลาดโดยเฉพาะธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวอยู่เป็นระยะๆตลอดทั้งปี ธุรกิจที่มีรายได้อิงกับในประเทศมีแนวโน้มจะเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ ตามการบริโภคในประเทศที่ยังแข็งแรงโดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งทั่วไป ขณะเดียวกัน คาดการณ์ทิศทางกระแสเงินไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในปีนี้ หลังจากที่คาดว่าเฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี และจากทิศทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงกว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะค่อยๆฟื้นตัวจากการเติบโตของภาคบริการและการลดลงของต้นทุนการผลิตตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่คาดว่าได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ดังนั้นคาดว่าการลงทุนในหุ้นไทยในปีนี้จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าปีก่อน และการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพของผลกำไรที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ มีฐานะการเงินที่มั่นคงจะทำให้ได้รับผลตอบแทนสอดคล้องกับการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยในปีนี้
ท่านมีความเห็นอย่างไรกับการลงทุนอย่างยั่งยืนในประเทศไทยและปัจจัยด้าน ESG มีส่วนต่อการลงทุนของกองทุนหรือไม่อย่างไร
การลงทุนอย่างยั่งยืนได้มีความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในแวดวงการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักลงทุนสถาบัน ซึ่งได้เล็งเห็นการนำปัจจัยด้าน ESG มาเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยในการตัดสินใจในการลงทุน เพื่อช่วยชี้ประเด็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทที่ลงทุนอยู่หรือจะเข้าลงทุน และช่วยนำไปสู่ความระมัดระวังหรือลดความเสี่ยงต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ และในปัจจุบันการลงทุนอย่างยั่งยืนได้พัฒนาเพิ่มขึ้นไปสู่การจัดตั้งกองทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทที่มีการบริหารจัดการปัจจัยด้าน ESG ที่โดดเด่น ซึ่งมุ่งหวังให้เกิดการกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น สร้างให้เกิดผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) ต่อสังคมและชุมชน นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกันระหว่างสมาชิกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในการประชุมติดตามบริษัทที่เกิดประเด็นบกพร่องทางด้าน ESG ในลักษณะที่เป็นการร่วมกันเรียกร้องให้บริษัทเร่งแก้ไขปรับปรุงประเด็นดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อยกระดับคุณภาพ ESG ของบริษัทในประเทศไทย สำหรับการนำปัจจัยด้าน ESG เข้ามามีส่วนต่อการลงทุนของกองทุนสำหรับ บลจ. กรุงไทย นั้น จะมีการนำปัจจัยด้าน ESG มาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ของฝ่ายวิจัย โดยจะพิจารณาบริษัทจดทะเบียนที่ไม่มีประเด็นเชิงลบในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม หรือธรรมาภิบาล จึงจะสามารถผ่านเข้ามาเป็นหลักทรัพย์ที่ลงทุนได้ของกองทุน
ท่านมีคำแนะนำอย่างไรบ้างสำหรับนักลงทุนที่สนใจกองทุนหุ้นขนาดใหญ่
บลจ.กรุงไทยคาดว่าการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถให้ผลการดำเนินงานที่มั่นคงสม่ำเสมอ และจะสามารถทนทานต่อสถานการณ์ต่างๆ เมื่อเผชิญกับวัฏจักรการขึ้นลงของเศรษฐกิจ ดังนั้นนักลงทุนที่สนใจกองทุนหุ้นขนาดใหญ่จะสามารถคาดหวังผลตอบแทนที่มีผันผวนต่ำกว่าความผันของตลาดหุ้นโดยรวมและคาดหวังการจ่ายเงินปันผลที่ค่อนข้างสม่ำเสมอได้ในระยะยาว