กองทุนตราสารหนี้กับค่าธรรมเนียม

อย่างที่รู้กันว่าในปี 2022 นั้นเป็นปีที่แย่ของผู้ลงทุนในตราสารหนี้ เห็นได้จาก The Bloomberg Barclays Aggregate Bond Index ตกลง 13% แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1980 

Morningstar 19/05/2566
Facebook Twitter LinkedIn

อย่างที่รู้กันว่าในปี 2022 นั้นเป็นปีที่แย่ของผู้ลงทุนในตราสารหนี้ เห็นได้จาก The Bloomberg Barclays Aggregate Bond Index (ซึ่งสะท้อนภาพตลาดตราสารหนี้ระดับ U.S. investment-grade) ตกลง 13% แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1980 ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ประเภท Taxable bond funds ปรับลงกว่า 10% และยังแย่ที่สุดในรอบ 40 ปี

ในแง่ของกองทุนตราสารหนี้แบบ Passive funds (ซึ่งปกติจะมีค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายในการจัดการกองทุนที่ต่ำ) เคยมีคำถามว่ากองทุนตราสารหนี้ประเภทนี้จะยังสามารถให้ผลตอบแทนได้ดีในระยะยาวหรือไม่ การจัดการแบบ Passive funds นั้นจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในภาวะดอกเบี้ยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อกองทุนตราสารหนี้อีกหรือไม่

เราจึงได้มีการเก็บข้อมูลโดยเทียบจากค่าใช้จ่ายจากกองทุน Taxable bond funds ที่เรียกเก็บรายไตรมาส ตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2019 นำมาเปรียบเทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังที่ได้ของกองทุนก็พบว่า ในช่วงเวลา 5 ครั้ง จากทั้งหมด 9 ครั้ง กองทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำนั้นยังให้ผลตอบแทนดีกว่ากองทุนที่มีค่าใช้จ่ายที่แพงโดยเฉลี่ย 0.24%

1

ถ้าเรามองให้ลึก เราพบว่ากองทุนที่แพงให้ผลตอบแทนที่แย่กว่ากองทุนที่ถูกในช่วงสิ้นปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดตราสารหนี้ถูกเทขายอย่างหนักจากนักลงทุน ทำให้พบว่ากองทุนตราสารหนี้ใช่ว่าจะดีในช่วงเวลาดอกเบี้ยขาขึ้นอีกต่อไป นอกจากนี้ในสภาพตลาดที่ผันผวนกองทุนที่เก็บค่าธรรมเนียมสูงกว่าก็ใช่ว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

และหากเราแบ่งตามชนิดของสไตล์การลงทุนของกองทุนซึ่งจัดอันดับตาม Morningstar Category แล้วจัดเรียงเปรียบเทียบระหว่างค่าธรรมเนียมกองทุนที่เรียกเก็บกับผลตอบแทนจากการลงทุนจะพบว่า

2

กองทุนที่มีค่าใช้จ่ายกองทุนหรือมีค่า Fee ที่ต่ำนั้นกลับให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนที่มีค่า Fee แพงในทุกปี ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ตลาดดีหรือแย่ โดยเฉพาะในช่วงปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่แย่มากของตราสารก็พบว่ากองทุนที่มีค่า Fee ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนั้นสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนที่มีค่า Fee แพงกว่าค่าเฉลี่ยเช่นกัน

โดยสรุปก็คือ ความแตกต่างของค่าธรรมเนียมสามารถใช้คาดคะเนผลงานของกองทุนได้ และกองทุนที่ถูกกว่าก็สามารถให้ผลงานที่ดีกว่ากองทุนที่แพงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าตลาดจะดีหรือแย่

นอกจากนี้กองทุนที่แพงนั้นยังคงมีความผันผวนสูงตามที่แสดงใน chart ด้านล่าง ซึ่งแสดงค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทนในช่วงเวลาเดียวกันกับ chart ก่อนหน้านี้

3

กองทุนที่ Fee ต่ำค่าความผันผวนก็น้อยกว่ากองทุนที่ค่า Fee แพงในทุกปีที่ผ่านมา และความแตกต่างนั้นยิ่งพบได้มากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยได้ปรับเพิ่มสูงขึ้น

โดยในกองทุนที่เป็นประเภทเดียวกัน กองทุนที่ค่า Fee แพงก็มักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น เห็นได้จากตัวอย่างเช่นในกลุ่ม Intermediate core-plus bond พบว่ากองทุนที่ ค่า Fee แพงก็ไม่ได้มีความผันผวนต่ำกว่ากองทุนที่ Fee ต่ำกว่าเช่นกันตามที่แสดงใน chart ถัดมา

4

โดยสรุปแล้วค่าธรรมเนียมเป็นอีกตัววัดนึงที่ดีในการคาดคะเนผลตอบแทนจากการลงทุน กองทุนที่มีค่า Fee ต่ำมักให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และกองทุนตราสารหนี้ที่มีค่าธรรมเนียมแพงก็มักจะมีความผันผวนที่สูงกว่าปกติ

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar