เรามาทำความรู้จักกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ประเภทตราสารหนี้ยอดเยี่ยม - กองทุนเปิดเคเคพี อินคัมเพื่อการเลี้ยงชีพ ผ่านบทสัมภาษณ์กันเลยค่ะ
คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้กองทุนของคุณมีผลการดำเนินงานที่ดีในปี 2023
การคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยและการใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนมีผลดำเนินงานที่ดีในปีที่ผ่านมา ในช่วงต้นปี 2023 เราเชื่อว่าตลาดยังไม่ได้สะท้อนความน่าจะเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากพอ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในระดับที่แพงโดยมีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี เฉลี่ยที่ 2.11%
ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยจะปรับขึ้นสูงสุดที่ 2.00% ในวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้ เรากลับมองว่ามันจะปรับขึ้นได้สูงกว่านั้น เราจึงคงอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ (duration) ของกองทุนในช่วงดังกล่าวให้ต่ำกว่าระดับปกติเล็กน้อย
การประชุม กนง. รอบเดือน พ.ค. 2023 ไม่ได้ส่งสัญญาณหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า นักลงทุนจึงปรับคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบวัฏจักรนี้สูงขึ้นหลังการประชุม จึงเกิดภาวะตลาดหมีในช่วงเดือน มิ.ย. ถึง ต.ค. ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปรับสูงขึ้นจาก 2.20% เป็น 2.90% เรามองว่าอัตราผลตอบแทนที่ปรับสูงขึ้นเริ่มทำให้ reward-to-risk ratio ดีขึ้น เราจึงทยอยปรับเพิ่ม duration ของกองทุน โดยในช่วงที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในระดับสูงสุด กองทุนเรามี duration ที่สูงกว่าระดับปกติ
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 สภาวะตลาดได้เปลี่ยนแปลงบนมุมมองของตลาดต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำกว่าคาด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง ซึ่งขณะนั้นเราได้ทยอยขายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อทำกำไรและทยอยปรับลด duration โดยเราจบปีด้วย duration ที่กลับมาที่ระดับปกติ
คุณมีวิธีรับมือกับการผันผวนของตลาดในปี 2023 อย่างไร
เราบริหารกองทุนโดยยึดหลักปรัชญาการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนของตลาด ในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูงซึ่งนักลงทุนอื่นอาจหวาดกลัว เราเชื่อว่าในช่วงดังกล่าว สินทรัพย์มักมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรเป็นและการลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่ดีย่อมมีความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้อง เป้าหมายเราไม่ใช่การกำจัดความเสี่ยงให้หมดไป แต่เป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและมุ่งหาโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีบนความเสี่ยงที่จำกัดอย่างไม่ประมาท
เราบริหารจัดการความเสี่ยงแบบเชิงรุก เราตระหนักดีว่าความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน เรามุ่งบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม คัดเลือกลงทุนในผู้ออกตราสารแต่ละรายอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดบนความเสี่ยงที่จำกัด โดยมีผู้จัดการกองทุนเป็นปราการด่านแรกทำหน้าที่ติดตามสภาวะตลาด วิเคราะห์ผลกระทบต่อผลดำเนินงาน และปรับพอร์ตการลงทุนตามสภาวะตลาดให้ความเสี่ยงอยู่ในกรอบที่กำหนด
อะไรคือจุดแข็งของทีมบริหารการลงทุนของคุณที่ทำให้กองทุนนี้ประสบความสำเร็จ
ความมีวินัย: เราตั้งอยู่บนหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างผลตอบแทนระยะยาวบนกรอบความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เราเชื่อว่าการคาดการณ์ความผันผวนของราคาในระยะสั้นให้ถูกต้องทำได้ยากและอาจทำให้เกิดอคติเชิงพฤติกรรม ซึ่งส่งผลต่อวินัยการลงทุนระยะยาว ดังนั้น การยึดหลักการลงทุนที่ดี ทำให้เราตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและปราศจากอคติในช่วงที่ตลาดผันผวนอย่างมากที่ผ่านมา
ความถ่อมตัว: การคาดการณ์สถานการณ์ปัจจุบันให้ถูกต้องทำได้ยากอยู่แล้ว แต่การคาดการณ์ในอนาคตยิ่งยากขึ้นไปอีก ดังนั้น การเตรียมพร้อมที่จะยอมรับข้อผิดพลาด เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เราเชื่อว่าการประเมินมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความถูกต้องมากกว่าความแม่นยำ และการประเมินมูลค่าอย่างถูกต้องแม้จะไม่ทั้งหมด มีแนวโน้มที่จะให้ผลลัพธ์ระยะยาวดีกว่าการประเมินที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น เราจึงยึดหลักการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีส่วนต่างความปลอดภัยเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจการลงทุนที่สำคัญ
การบริหารต้นทุน: เราตระหนักเสมอว่าทุกรายการซื้อขายหลักทรัพย์มีต้นทุนทางการเงินแฝงอยู่ และการทำธุรกรรมซื้อขายที่มากเกินไปส่งผลเสียต่อผลตอบแทนของกองทุน นอกจากนี้ การบริหารต้นทุนค่าเสียโอกาสจากการถือเงินสดโดยไม่ลงทุนซึ่งฉุดรั้งผลตอบแทน เป็นอีกสิ่งที่เราให้ความสำคัญ ดังนั้น การปรับปรุงกระบวนการการซื้อขายให้เหมาะสมจะช่วยสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้
การทำงานเป็นทีม: สมาชิกในทีมนำจุดแข็งของตนมาใช้สนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน ทีมนักวิเคราะห์ทำการวิเคราะห์เชิงลึกและติดตามผู้ออกตราสารเพื่อคัดสรรการลงทุนในเครดิตที่มีคุณภาพ ทีมผู้จัดการกองทุนและทีมนักวิเคราะห์ประชุมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อพิจารณาข้อมูลและความเห็นของสมาชิกอย่างรอบด้านโดยหลีกเลี่ยงการตัดสินใจแบบคล้อยตามกัน ทำให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านบุคลากรสำคัญอีกด้วย
คุณมีมุมมองเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและความคาดหวังในเรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 อย่างไร และคิดว่าเศรษฐกิจและนโยบายอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 จะส่งผลกระทบกับการตัดสินใจลงทุนของคุณอย่างไรบ้าง
สำหรับมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2024 เรามีมุมมองค่อนข้างเป็นบวกจากการที่เศรษฐกิจไทยฟื้นหลัง COVID-19 อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างช้าๆ และไม่สม่ำเสมอจากผลของภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนที่ชะลอตัวและอุปสงค์ในประเทศที่ลดต่ำลง ซึ่งอาจส่งผลมาที่ภาคส่งออกและภาคการท่องเที่ยวของไทย เราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อไทยจะยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าราคาอาหารอาจมีแรงกดดันจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และนโยบายการเงินน่าจะผ่อนคลายลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 และดอกเบี้ยนโยบายปรับลงไปที่ 2% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่น่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างรุนแรงเนื่องจากต้องชั่งน้ำหนักกับความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินจากสภาวะที่หนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับที่สูง
เราจัดพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนในตลาดเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงจากโมเดลของเรา ปัจจุบันเรามีมุมมองที่เป็นกลางต่อพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยมองว่าระดับอัตราผลตอบแทนปัจจุบันมีความเหมาะสม และสำหรับตราสารหนี้เอกชน เรามีมุมมองระมัดระวังและคัดเลือกตราสารรายตัวเนื่องจากมีความท้าทายในตลาดผู้ออกที่มีคุณภาพเครดิตต่ำ ซึ่งอาจมีความยากในการรีไฟแนนซ์จากการที่นักลงทุนเปลี่ยนไปสนใจตราสารหนี้เอกชนของผู้ออกที่มีคุณภาพสูงกว่า ทั้งนี้ เราจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพต่ำเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง เนื่องจากขณะนี้ตราสารหนี้เอกชนของผู้ออกที่มีคุณภาพเครดิตสูงก็ให้ผลตอบแทนน่าสนใจ
คุณมีคำแนะนำต่อนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาวเพื่อการเกษียณอายุอย่างไรบ้าง
สำหรับนักลงทุนที่มองหากองทุนตราสารหนี้เพื่อการเกษียณอายุ กองทุนเปิดเคเคพี อินคัมเพื่อการเลี้ยงชีพ (KKP INRMF) สามารถตอบโจทย์การลงทุนในตราสารหนี้ไทยในระยะยาวได้เป็นอย่างดี กองทุนนี้บริหารแบบเชิงรุก ลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์และภาคเอกชนที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งและมีสภาพคล่องสูง ใช้กลยุทธ์การบริหารโดยพิจารณาปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคแบบ top-down ประกอบกับปัจจัยเฉพาะของผู้ออกตราสารแบบ bottom-up เพื่อให้กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม โดยมีเป้าหมาย duration ประมาณ 1 ถึง 3 ปี