โอกาสลงทุนในตราสารหนี้

เมื่อธนาคารกลางสหรัฐหรือ Fed ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต แล้วนักลงทุนจะมีแนวทางลงทุนเพื่อรักษาอัตราผลตอบแทนจากตราสารหนี้ให้อยู่ในระดับสูงต่อไปได้อย่างไร

Morningstar 28/03/2567
Facebook Twitter LinkedIn

เมื่อธนาคารกลางสหรัฐหรือ Fed ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต แล้วนักลงทุนจะมีแนวทางลงทุนเพื่อรักษาอัตราผลตอบแทนจากตราสารหนี้ให้อยู่ในระดับสูงต่อไปได้อย่างไร ตลาดตราสารหนี้จะยังมีความน่าสนใจต่อไปอีกหรือไม่

ผู้จัดการกองทุนและนักกลยุทธ์ส่วนใหญ่ยังคงเห็นว่าตลาดตราสารหนี้ยังมีความน่าสนใจลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลง และการที่ Yield ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดทำให้ยังมีโอกาสลงทุนอีกมากในตลาดตราสารหนี้ นอกจากนี้การที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงในอนาคตก็ทำให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาตราสารหนี้อีกด้วย

ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมา

ผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นเกือบแตะ 5% ในเดือนตุลาคมปีที่แล้วและปรับลดลงเหลือ 3.79% ในช่วงสิ้นปี ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับลดลงทำให้นักลงทุนคาดว่า Fed จะหยุดการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดและปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต (ซึ่งราคาตราสารหนี้จะเปลี่ยนแปลงแบบผกผันกับทิศทางดอกเบี้ย)

อย่างไรก็ดีภาพในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นแตะ 4.33% จากภาพเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่งรวมถึงทิศทางของเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไปทำให้นักลงทุนในตลาดลดความคาดหวังต่อคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed ออกไป รวมถึงจำนวนครั้งที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ส่งผลให้ Morningstar Core Bond Index ปรับลดลง 1.2%ในปีนี้ แต่ก็ยังถือว่าเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้ว 7.7%

1

อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ยังอยู่ในระดับสูง

แม้ล่าสุดตลาดตราสารหนี้จะถูกนักลงทุนเทขายออกมา แต่ผลประชุมล่าสุดของ Fed ที่ผ่านมายังคงแสดงให้เห็นถึงคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปีนี้และทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ ดังนั้นระดับผลตอบแทนของตราสารหนี้ในปัจุบันจึงยังอาจเป็นจุดที่น่าลงทุนเนื่องจากยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่า Fed จะลดดอกเบี้ยลง ขณะที่อนาคตอัตราดอกเบี้ยก็ต้องปรับลดลงอยู่แล้วในท้ายที่สุด นอกจากนี้หากดูในแง่อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของพันธบัตรเมื่อหักด้วยเงินเฟ้อ (Real yields) ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 2% ทำให้ภาพในระยะยาวการลงทุนในตราสารหนี้ยังคงได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลงเนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้น (Fed คาดการณ์เงินเฟ้อปรับลงเหลือ 2.5%ในสิ้นปีนี้)

ตราสารหนี้ที่น่าสนใจลงทุน

ภายใต้สภาวะดอกเบี้ยที่ยังสูงในตอนนี้ นักกลยุทธ์การลงทุนที่ Bank of America ยังคงแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงนี้ก่อนที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต โดย Mike Cudzil ผู้จัดารกองทุนตราสารหนี้ที่ Pimco แนะนำการลงทุนในตราสารหนี้ประเภท Government agency-backed mortgages มากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนทั่วไปที่เป็น Investment-grade เนื่องจากมีสภาพคล่อง คุณภาพ และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า นอกจากนี้ตราสารหนี้ช่วงอายุ 5-10 ปีเป็นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนที่สุดตอนนี้เนื่องจากคาดว่าจะเป็นจุดที่ราคาตราสารอยู่ในระดับต่ำสุดแล้วก่อนที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต

1

ตราสารหนี้มีแนวโน้มที่ราคาจะปรับเพิ่มขึ้นหากภาพเศรษฐกิจชะลอ

ทั้งนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐนาย Jerome Powell กล่าวว่าธนาคารกลางพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนนี้หากมีสัญญาณการอ่อนแรงทางเศรษฐกิจ เช่น ตลาดแรงงานอ่อนแอ ซึ่งการลดดอกเบี้ยที่มากกว่าคาดการณ์จะทำให้ตลาดตราสารหนี้ราคาปรับสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากราคาตราสารหนี้ที่ปรับขึ้น นอกเหนือไปจากอัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับ ทั้งนี้ Mike Cudzil ให้ความเห็นว่าการที่ Fed ออกมาให้ความมั่นใจต่อนักลงทุนมากขึ้นในการปรับลดดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจอ่อนแอ ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ยิ่งมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ความสำคัญของตราสารหนี้ในพอร์ตโฟลิโอ

ด้วยความสัมพันธ์ของตราสารหนี้และตราสารทุนที่มักผกผันในทิศทางตรงกันข้าม ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้เหมือนเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี (เว้นแต่ในปี 2022 ที่ตราสารทั้ง 2 ปรับลงพร้อมกันอย่างมาก) ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะยังเป็นปีที่ดีของสินทรัพย์เสี่ยงทำให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงนี้และราคาตราสารหนี้ปรับลดลง ขณะที่ตลาดหุ้นก็ปรับขึ้นเช่นกัน แต่หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็อาจทำให้ตลาดหุ้นปรับลดลงอย่างมากได้เช่นกันดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้จึงช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนได้เนื่องจากเมื่อราคาหุ้นลง ราคาตราสารหนี้จะมักปรับขึ้นนั่นเอง

ระวังการถือเงินสด

สำหรับนักลงทุนที่ยังพอใจในการรับผลตอบแทนที่ยังสูงจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ประเภท Money market funds (ซึ่งมีสภาพคล่องที่สูงเหมือนถือเงินสด) ให้ระวังความเสี่ยงจากผลตอบแทนจากการลงทุนที่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ลดลงในอนาคต และทำให้มีความเสี่ยงที่อาจไม่สามารถไปลงทุนได้ใหม่โดยที่จะยังได้ผลตอบแทนที่สูงเหมือนในระดับเดิมแถว 5% ได้ต่อไป เพราะเมื่อ Fed เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคตย่อมลดลง และหากตลาดหุ้นปรับลดลงก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่ Fed จะลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นนักลงทุนที่ถือกอง Money market funds หรือเงินสด ก็อาจเสียประโยชน์จากการลงทุนในตราสารหนี้ไป

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar