อุตสาหกรรมการจัดการกองทุนมีสินทรัพย์เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีกองทุนใหม่เปิดตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราที่อาจทำให้นักลงทุนแม้แต่ผู้ที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดรู้สึกสับสนได้ ด้วยตัวเลือกที่มากมาย ความท้าทายที่แท้จริงในปัจจุบันจึงไม่ใช่การหากองทุน แต่เป็นการหาว่ากองทุนใดที่ควรค่าในการลงทุนจริง ๆ
คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงลึกหรือข้อมูลวงในเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ข้อมูลส่วนใหญ่ที่สำคัญสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย หากคุณรู้ว่าควรมองหาอะไร นี่คือ 5 ขั้นตอนที่จะช่วยคุณประเมินได้ว่ากองทุนใหม่มีความน่าสนใจที่จะลงทุนหรือไม่
1. ประเมินความได้เปรียบของผลิตภัณฑ์
กองทุนใหม่จำนวนมากอ้างว่ามีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่ในความเป็นจริงแล้วมีเพียงไม่กี่กองทุนเท่านั้นที่เป็นเช่นนั้น ตัวอย่างเช่น สินทรัพย์ประเภทหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่น (Asia ex-Japan equities) มีการแข่งขันอย่างมากและถูกครองตลาดโดยกองทุนชั้นนำเพียงไม่กี่กองทุนที่ถือครองสินทรัพย์ส่วนใหญ่ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในกองทุนใหม่ ควรตรวจสอบเอกสารแนะนำกองทุนและเปรียบเทียบนโยบายการลงทุนกับกองทุนที่มีอยู่แล้ว กองทุนนั้นมีปรัชญา กระบวนการ หรือโครงสร้างพอร์ตการลงทุนที่แตกต่างอย่างแท้จริงหรือไม่? เครื่องมือจาก Morningstar.com สามารถช่วยประเมินได้ว่ากลยุทธ์ของกองทุนนั้นโดดเด่นจริงหรือเพียงเลียนแบบตัวเลือกที่มีอยู่
ในสินทรัพย์ที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง และกองทุนเชิงรุก (Active fund) มักทำผลงานได้ต่ำกว่าตลาด ตัวเลือกอย่างกองทุนเชิงรับ (Passive fund) ที่มีต้นทุนต่ำอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า กลยุทธ์แบบเชิงรับมักทำผลงานได้ดีกว่าในตลาดที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น หุ้นสหรัฐขนาดใหญ่ (US large-cap equities) ขณะที่ผู้จัดการกองทุนเชิงรุกมีโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าในตลาดที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า เช่น จีน หรือ อินเดีย
2. เน้นเนื้อหามากกว่ากระแส
นักลงทุนมักถูกดึงดูดด้วยกองทุนที่ไล่ตามกระแสล่าสุด แต่แนวทางนี้มักทำให้ผิดหวังเป็นส่วนใหญ่ จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อจะลงทุนในกองทุนธีม (Thematic funds) โดยเฉพาะกองทุนที่เกาะกระแสความนิยมในช่วงเวลานั้น งานวิจัยของ Morningstar พบว่ากองทุนธีมมักทำผลงานได้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานหุ้นโลกในภาพรวม และนักลงทุนยิ่งทำให้ผลตอบแทนแย่ลงจากการเข้าลงทุนในจังหวะที่ไม่เหมาะสม ทางที่ดีควรมุ่งเน้นไปที่การประเมินว่ากองทุนดังกล่าวมีความสำคัญสำหรับในพอร์ตการลงทุนของคุณอย่างไร และสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินระยะยาวหรือไม่
ก่อนลงทุน ควรถามตัวเองว่าธีมนี้ได้รับแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยระยะยาว เช่น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร หรือการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบ หรือไม่ หรือเป็นเพียงการเกาะกระแสระยะสั้น บางครั้งคุณอาจพบว่ามีกองทุนที่มีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายกว่า แต่ยังสามารถให้การลงทุนในธีมเดียวกันได้
3. ประเมินความเชี่ยวชาญของทีมผู้จัดการกองทุน
แม้กองทุนใหม่อาจยังไม่มีผลงานย้อนหลัง (Track record) แต่ผู้จัดการกองทุนย่อมมีประวัติการทำงาน ควรค้นหาประวัติของผู้จัดการพอร์ต ซึ่งมักมีอยู่ในเว็บไซต์ของบริษัทจัดการกองทุน และตรวจสอบประวัติการบริหารกองทุนผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Morningstar ให้ความสำคัญกับผู้จัดการที่มีประสบการณ์ในสินทรัพย์ประเภทเดียวกันหรือใช้สไตล์การลงทุนแบบเดียวกัน และตรวจสอบกองทุนก่อนหน้าที่เคยบริหารว่ามีผลงานระยะยาวที่สม่ำเสมอหรือไม่ นอกจากนี้ควรค้นหาชื่อผู้จัดการใน Google เพื่อดูว่ามีการสื่อสารเกี่ยวกับปรัชญาการลงทุนของตนอย่างชัดเจนหรือไม่
ผลงานในอดีตที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกับสินทรัพย์ประเภทนั้น ๆ เป็นตัวบ่งชี้ที่มีประโยชน์ว่ากองทุนใหม่อาจถูกบริหารอย่างไรในอนาคต
4. ประเมินวิธีการสร้างพอร์ตการลงทุน
แม้ว่ากองทุนใหม่อาจยังไม่เปิดเผยการถือครองหลักทั้งหมด แต่เอกสารแนะนำกองทุนจะระบุการลงทุน (Investment universe) กลยุทธ์ และระดับความเสี่ยงของกองทุน ควรมองเรื่องการกระจายการลงทุน (Diversification) ว่ากองทุนจะถือหลักทรัพย์จำนวนมาก หรือกระจุกตัวในไอเดียเพียงไม่กี่อย่าง กำลังรับความเสี่ยงมากกว่าที่ชื่อกองทุนบ่งบอกหรือไม่ เช่น กองทุนตราสารหนี้หลักบางกองทุนอาจนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูง (High-yield bonds)
การลงทุนแบบพอร์ตที่กระจุกตัว หรือ พอร์ตที่มีการกระจายการลงทุน แบบใดดีกว่ากันนั้น ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ คุณควรอ่านเอกสารกองทุนอย่างละเอียด ตั้งความคาดหวังที่สมเหตุสมผล เกี่ยวกับผลตอบแทนและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
5. ต้นทุนต่ำช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาว
ค่าธรรมเนียมถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่บ่งบอกถึงผลตอบแทนระยะยาว กองทุนที่มีค่าธรรมเนียมต่ำมักอยู่ได้นานกว่าและทำผลงานได้ดีกว่ากองทุนที่มีต้นทุนสูงกว่า ควรตรวจสอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดและทำความเข้าใจวิธีการคำนวณค่าธรรมเนียม เช่น ค่าธรรมเนียมตามผลการดำเนินงาน (Performance fee) อาจลดผลตอบแทนลงอย่างมากขึ้นอยู่กับวิธีการเรียกเก็บ
หากเป็นไปได้ ควรเลือกกองทุนที่มีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้และโปร่งใส เงินทุกบาทที่จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมคือเงินทุกบาทที่ไม่ได้ถูกนำไปสร้างผลตอบแทนทบต้นให้คุณ
สรุป
กองทุนใหม่มักถูกโปรโมทว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม แต่การไม่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังนั้น เป็นเหตุผลให้ควรวิเคราะห์ตรวจสอบอย่างรอบคอบมากกว่าตัดสินใจตามอารมณ์ โดยการให้ความสำคัญกับข้อมูลต่างๆ ได้แก่ ความแตกต่าง เนื้อหา ประสบการณ์ของผู้จัดการ โครงสร้างพอร์ต และต้นทุน คุณสามารถใช้ข้อมูลที่เปิดเผยในเอกสารการลงทุน หรือเวปไซด์การลงทุน ที่มีอยู่เพื่อช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น