วัคซีน COVID-19 จาก Pfizer และ BioNTech

วัคซีน BNT162b2 อาจมีโอกาสได้เริ่มใช้ช่วงปลายปีนี้จากผลการทดสอบล่าสุดที่ประสิทธิภาพมากกว่า 90% 

Morningstar 10/11/2563
Facebook Twitter LinkedIn

ประสิทธิภาพวัคซีน BNT162b2 สูงถึง 90%

นับเป็นข่าวดีในสัปดาห์นี้เลยก็ว่าได้สำหรับความคืบหน้าวัคซีน BNT162b2 โดย Pfizer (PFE) และ BioNTech (BNTX) ซึ่งจากการทดสอบพบว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า 90% โดยไม่มีประเด็นเรื่องความปลอดภัยที่น่ากังวล ด้วยเหตุนี้เองทางมอร์นิ่งสตาร์มองว่าจะทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่ตัววัคซีนจะได้รับการอนุมัติให้ใช้งาน ส่งผลดีต่อการเติบโตของรายได้ของบริษัทในปีหน้าซึ่งจะส่งผลต่อมูลค่าหุ้นทั้ง 2 บริษัท

ผลบวกต่อราคาหุ้นที่อาจจำกัดสำหรับ Pfizer

อย่างไรก็ตามทาง Pfizer อาจมีผลบวกที่จำกัดกว่าจากขนาดของธุรกิจที่ต่างกัน (Pfizer มี Market Cap ราว 2.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐและรายได้ปี 2019 ที่ 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ BioNTech มี Market Cap ราว 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและรายได้ปี 2019 ที่ 109 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) รวมทั้งยังมีการแข่งขันจากผู้ผลิตรายอื่นที่อาจส่งผลต่อ pricing power ได้ แต่การพัฒนาวัคซีนได้อย่างรวดเร็วยังคงส่งเสริมความสามารถในเชิงนวัตกรรมของทั้ง 2 ราย ทำให้ Pfizer และ BioNTech ยังคงเป็นบริษัทที่มีแนวโน้มที่ดีในอนาคต

โอกาสได้รับการอนุมัติจาก FDA จากประสิทธิภาพที่สูงกว่าเกณฑ์

จากประสิทธิภาพของวัคซีนที่สูงรวมทั้งไม่มีความน่ากังวลด้านความปลอดภัยอื่น ทางมอร์นิ่งสตาร์เชื่อว่าวัคซีนตัวนี้อาจได้รับการอนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉินได้ในช่วงปลายปีนี้ และจะได้รับการอนุมัติเพื่อใช้งานอย่างเป็นทางการในปีหน้าซึ่งอาจต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง จากเกณฑ์ของ U.S. Food and Drug Administration (FDA) ระบุว่าการที่จะอนุมัติตัววัคซีน COVID-19 นั้น วัคซีนจะต้องมีประสิทธิภาพอย่างน้อย 50% ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าวัคซีน BNT162b2 นั้นผ่านเกณฑ์มาค่อนข้างสูง นอกจากนี้ประเด็นด้านความปลอดภัยยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับหน่วยงานรัฐและประชาชนทั่วไป โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนได้มากถึง 1.3 พันล้านโดสในปี 2021

การพัฒนาวัคซีนสร้างผลบวกด้านการเจรจากับภาครัฐในอนาคต

ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนนี้จะก่อให้เกิด goodwill หรือค่าความนิยมที่แข็งแกร่งมากขึ้นในทั้ง 2 บริษัท แต่จากแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งรายใหญ่เช่น Moderna, Johnson & Johnson, AstraZeneca, Sanofi, GlaxoSmithKline และอื่น ๆ อีกหลายราย ทางมอร์นิ่งสตาร์จึงมองว่าอาจช่วยในด้านมูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะจากประเด็นที่หลายบริษัทได้รับเงินทุนสนับสนุนจากภาครัฐและมีข้อตกลงเรื่องราคาวัคซีนที่ต่ำ อย่างไรก็ตามการพัฒนาวัคซีนที่รวดเร็วนี้จะช่วยให้อุตสาหกรรม biopharma สร้าง goodwill ที่ดีกับภาครัฐซึ่งจะช่วยในการเจรจาด้านการปฏิรูปการตั้งราคายาต่าง ๆ ได้ในอนาคต

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar