ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีกลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในชีวิตของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของภาคธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นธีมการลงทุนด้านเทคโนโลยีจึงเป็นที่สนใจของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และทำให้กองทุนกลุ่ม Global Technology ในไทยมีขนาดเติบโตอย่างรวดเร็วจากราว 4.6 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2020 เพิ่มขึ้นเป็น 8.6 หมื่นล้าน ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2025 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 4 หมื่นล้านบาทในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี
การเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินลงทุนที่ไหลเข้าสุทธิเป็นบวกเกือบตลอดทั้ง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2021 ที่เงินลงทุนสุทธิปรับสูงถึง 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับระดับผลตอบแทนที่สูงถึง 49% ทำให้กองทุนกลุ่ม Global Technology เป็นประเภทกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้สูงสุดในปีนั้นเมื่อเทียบกับประเภทกองทุนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในปีต่อมา ระดับเงินลงทุนและผลตอบแทนปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จนไปแตะจุดต่ำสุดในช่วงปี 2022 และกลับมาฟื้นตัวขึ้นในปี 2023 จนถึงปัจจุบัน สำหรับในปีนี้ แม้ว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนกลุ่ม Global Technology จะติดลบเล็กน้อย แต่เงินลงทุนยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี มีเงินเข้าสุทธิรวมประมาณ 4.2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราวครึ่งหนึ่งของเงินไหลเข้าในปีที่ผ่านมา
กองทุนหุ้นเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีแต่หุ้นใหญ่
เมื่อพูดถึงกองทุนหุ้นเทคโนโลยี นักลงทุนส่วนใหญ่อาจนึกถึงกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เช่น The Magnificent Seven หรือหุ้น 7 นางฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มผู้นำที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ในโลกที่เทคโนโลยีมีการแทรกซึมไปอยู่ทุกภาคส่วน กองทุนหุ้นเทคโนโลยีที่มีการเสนอขายในปัจจุบันจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่หุ้นตัวใหญ่เท่านั้น ดังจะเห็นได้จากความหลากหลายของกองทุนในอุตสาหกรรมที่มีอยู่กว่า 140 กองทุน (นับแยกชนิดหน่วยลงทุน) โดยนอกจากกองทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแบบดั้งเดิมที่เน้นการลงทุนในหุ้นใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกแล้ว ยังมีกองทุนที่เน้นเฉพาะในกลุ่มธุรกิจย่อยของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอยู่มากมาย ตัวอย่างเช่น
- AI & Automation: เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence – AI) หรือระบบอัตโนมัติ นับเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่มีการเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ความก้าวหน้าของ Generative AI สามารถนำไปต่อยอดการใช้งานได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตัวอย่างกองทุนในกลุ่ม:ASP-AIEQ, TISCOAI, LHROBOTE
- Semiconductor:เซมิคอนดักเตอร์ หรือชิป เปรียบเหมือน "สมอง" ของอุปกรณ์เทคโนโลยีทุกชนิด ดังนั้นบริษัทในกลุ่มนี้จึงได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตของเทคโนโลยีและอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆและมีความต้องการในตลาดเติบโตอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างกองทุนในกลุ่ม:KKP SEMICON, LHSEMICON, SCBSEMI
- Cybersecurity:การออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยทั้งในด้านฐานข้อมูล, ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการป้องกันการภัยคุกคามไซเบอร์ ตัวอย่างกองทุนในกลุ่ม: KFCYBER, LHCYBER, TCYBER
- Cloud computing:คลาวด์เป็นทางเลือกในการจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานให้กับทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค โดยบริษัทในกลุ่มนี้จะครอบคลุมถึงผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานในด้านการจัดเก็บข้อมูล เช่น AWS, Azure, Google Cloud รวมถึงบริษัทที่ให้บริการซอฟต์แวร์บนระบบคลาวด์ หรือที่เรียกว่า Software-as-a-Service (SaaS) ตัวอย่างกองทุนในกลุ่ม: PRINCIPAL GCLOUD, TCLOUD
- Fintech & Blockchain:Fintech หรือ เทคโนโลยีการเงิน กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นต่อรูปแบบการทำธุรกรรมและการลงทุน รวมไปถึงความก้าวหน้าของ Blockchain ในการต่อยอดไปยังการทำ smart contract ในระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi) เป็นต้น ตัวอย่างกองทุนในกลุ่ม:ES-FINTECH, B-FINTECH, ASP-DIGIBLOC, KT-BLOCKCHAIN
นอกจากกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น ปัจจุบันก็ยังมีกองทุนอื่นๆอีกมากที่อาจไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มกองทุน Global Technology โดยตรง แต่ก็มีการลงทุนในธุรกิจที่นำประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาใช้ หรือมีโอกาสการเติบโตจากการเปลี่ยนผ่านของรูปแบบธุรกิจ, วิถีการดำเนินชีวิต และพฤติกรรมของผู้บริโภค ให้เป็นรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน ความบันเทิง, การศึกษา, การซื้อสินค้า เป็นต้น ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตยานพาหนะ รถ EV, แบตเตอรี่ และระบบต่างๆภายใน, Health Tech ซึ่งเป็นการเทคโนโลยีมาต่อยอดในด้านการดูแลรักษาสุขภาพ หรือ Logistics ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการ supply chain ต่างๆ เป็นต้น
ผู้ท้าชิงจากเอเชีย
ในอดีต หุ้นเทคโนโลยีส่วนใหญ่มักกระจุกตัวอยู่ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด NASDAQ ซึ่งเปรียบเสมือนตลาดที่รวมบริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ชั้นนำของโลกไว้อยู่มากมาย อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นจากเอเชีย เช่น จีนและไต้หวัน ก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็วจากการปรับรูปแบบธุรกิจที่เดิมเปรียบเสมือนเป็นโรงงานผู้ผลิตอยู่เบื้องหลัง สู่การเป็นผู้เล่นตัวจริงในหลากหลายธุรกิจ ครอบคลุมทั้ง Ecosystem ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็น Semiconductor, Digital payment, Cloud computing, AI, EV, Health tech โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เกิดความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐฯ ทำให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของจีนต่างมีความพยายามลดการพึ่งพาเทคโนโลยีของสหรัฐฯ นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองอย่างก้าวกระโดด โดยหลายบริษัทได้ก้าวขึ้นมาสู่ความเป็นผู้นำในเวทีโลกในปัจจุบัน เช่น TSMC, Tencent, Alibaba, Meituan เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมกองทุนรวมในไทย ปัจจุบันเริ่มมีหลาย บลจ. ที่ออกกองทุนซึ่งเน้นการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของจีนโดยเฉพาะ ซึ่งมีทั้งรูปแบบการลงทุนตรงในหุ้นและการลงทุนผ่านกองทุนต่างประเทศ แม้ว่าผลตอบแทนในปีนี้อาจยังไม่โดดเด่นเท่ากับกองทุนในกลุ่ม Global Technology แต่ในด้านเงินไหลเข้าจากนักลงทุนก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เทียบเคียงกันได้ แสดงให้เห็นถึงความสนใจของตลาดแม้ว่าจะมีแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆ นอกจากนี้ หากเทียบกับกองทุนในกลุ่มหุ้นจีนด้วยกัน พบว่าธีมการลงทุนนี้ก็ได้รับความนิยมและสามารถสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี จึงนับว่าเป็นอีกกลุ่มกองทุนที่น่าจับตามองสำหรับนักลงทุนที่อยากกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ
เทคโนโลยีกลายเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนโลกที่เกี่ยวข้องในหลายอุตสาหกรรม ดังนั้นทางเลือกของการลงทุนในธีมเทคโนโลยีจึงไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่เพียงกองทุน Global Technology เท่านั้น แต่ยังมีโอกาสอยู่ในธีมย่อยและภูมิภาคที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น AI, Automation, Semiconductor หรือแม้แต่เทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นักลงทุนจึงอาจพิจารณามองหาโอกาสและการกระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ เพื่อเกาะกระแสการเติบโตของเมกะเทรนด์ที่กำลังก้าวเข้ามาพลิกโฉมโลกใบนี้