ข้อเสียของ Thematic Funds

Thematic funds กำลังเป็นที่นิยมของนักลงทุนอย่างมาก และหลายกองทุนสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาด แต่ผลตอบแทนจะคุุ้มกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นหรือไม่

Morningstar 24/05/2564
Facebook Twitter LinkedIn

Thematic funds หรือกองทุนที่เน้นลงทุนเฉพาะเจาะจงในบางอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น ธุรกิจพลังงานสะอาด หุ่นยนต์ ธุรกิจกัญชา กองทุนประเภทนี้กำลังเป็นที่นิยมของนักลงทุนอย่างมาก โดยในรอบ 3 ปีที่ผ่านมามีกว่า 150 กองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาด และส่งผลให้มีการออกกองทุนประเภทนี้จำนวนมาก อย่างเช่น กองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจประเภท Fintech, Genomics, Autonomous technology, Robotics เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนอาจไม่ได้สูงมากพอที่จะชดเชยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน

ผลตอบแทนระยะยาว

จากกราฟเป็นการเปรียบเทียบผลตอบแทนในอดีตจะพบว่ากอง US-based thematic fund ที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนที่เหนือว่า Morningstar US Market Index และในช่วง 1ปีกอง US-based thematic fund ให้ผลตอบแทนสูงกว่ากองหุ้นทั่วไปถึงกว่า 40% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาหุ้นกลุ่ม Tech ที่ปรับขึ้น โดยเฉพาะ Robotics, Cloud technology, 3D Printing ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่กอง Thematic funds นิยมลงทุนอย่างมาก รวมถึงธุรกิจอย่าง Online retail, Genomics และกัญชา

theme1

แต่หากดูผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี จะพบว่า Thematic funds ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีมากและแพ้กองหุ้นทั่วไป ซึ่งเป็นเพราะการเน้นลงทุนเฉพาะบางอุตสาหกรรมเท่านั้น ทำให้หลายๆกอง Thematic funds จัดตั้งขึ้นมาและอยู่ได้ไม่นาน

ผลตอบแทนเพียงพอกับความเสี่ยงที่ได้รับหรือไม่

ในช่วง 5 ปีย้อนหลัง Thematic funds มักจะให้ผลตอบแทนที่สูงแต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน เนื่องจากลงทุนในบริษัทขนาดเล็ก สร้างกำไรได้น้อย มีราคาซื้อขายแพง และมีความผันผวนของราคาสูง ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับไม่อาจชดเชยความเสี่ยงที่สูงเพิ่มขึ้นได้มากพอ

thematic 2

กองทุนมีความไม่แน่นอนสูง

ปกติ Thematic funds จะเน้นไปที่การสร้างผลตอบแทนที่สูงเพื่อรองรับความเสี่ยงที่สูง ซึ่งหลายๆกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Internet ก็ล้มหายไปหลังจากเกิดวิกฤติ Dot-com bubble ช่วงปี 2000 ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Morningstar รายงานว่ากอง Thematic funds ที่จัดตั้งขึ้นในสหรัฐได้ปิดกองไปแล้วกว่า 30% ในช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การจับจังหวะเข้าลงทุนของนักลงทุนก็มีผลให้อัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับนั้นแตกต่างไปจากผลตอบแทนของกองทุนอีกด้วย ซึ่งจากค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมาพบว่าผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับนั้นน้อยกว่าถึง 4% ต่อปีเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของกองทุน (ซึ่งคำนวณจากการซื้อแล้วถือลงทุนระยะยาว) เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ชอบเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่กำลังเป็นที่นิยมซึ่งมักเป็นช่วงที่ราคาหุ้นขึ้นไปสูงแล้วและขายเมื่อราคาหุ้นอยู่ในช่วงปรับลงทำให้ขาดทุน

โดยสรุปแล้วการเลือกลงทุนในกองหุ้นทั่วไปนั้นจะมีความปลอดภัยมากกว่า แต่หากนักลงทุนอยากจะลงทุนในกอง Thematic funds ก็ต้องยอมรับความผันผวนที่สูงมากกว่าปกติได้เช่นกัน โดยหลีกเลี่ยงการลงทุนในธุรกิจที่เป็นที่นิยมในช่วงสั้นๆก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงลงได้

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar