อาจมีความกังวลว่าการซื้อขายของหุ้นกลุ่ม Tech ในปัจจุบัน จะซ้ำร้อยเหตุการณ์ Dot-com Bubble ในอดีตหรือไม่นั้น คำตอบสั้นๆคือไม่น่าเป็นเช่นนั้นได้ แม้ว่าที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มนี้จะมีการซื้อขายคล้ายคลึงกับหุ้นกลุ่ม Dot-com ในอดีต ราคาหุ้นปรับขึ้นไปเกินกว่ามูลค่าพื้นฐานจากแรงเก็งกำไร ซึ่งเห็นได้จากตัวอย่างกราฟด้านล่างที่แสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนของ ARK Innovation ETF ตั้งแต่ปี 2016-2021 ซึ่งมีการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Disruptive Technology เทียบกับผลตอบแทนของ Morningstar U.S. Technology Index ในช่วงปี 1996-2000 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์ Dot-com Bubble ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีรูปแบบผลตอบแทนที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาที่คล้ายคลึงกันมาก
Disruptive Technology คืออะไร
คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างมูลค่าหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบเดิมๆของผลิตภัณฑ์หรือการทำธุรกิจให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และการ Disruptive Technology สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ซึ่งก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจตามมา
ในช่วงปี 1990 ยุค Dot-com ก็เป็นช่วงที่มีความแพร่หลายของธุรกิจ Internet เป็นอย่างมาก หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องก็ได้รับความคาดหวังต่อแผนการเติบโตของธุรกิจในอนาคตมากกว่าเรื่องของกำไรที่ทำได้จริง ขณะที่ปัจจุบันบริษัทต่างๆเน้นเรื่องของการทำให้เกิด Disruptive Technology เพื่อที่จะมาช่วยเปลี่ยนแปลงภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมให้ดีขึ้น โดยคำนึงถึงการสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าช่วง Dot-com
ทำไมในปัจจุบันถึงให้ความสำคัญกับการ Disruptive Technology
เป็นเพราะหลังเกิดการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสก็ได้เร่งให้เกิดแนวโน้มทางเศรษฐกิจและรูปแบบสังคมบางอย่างให้เกิดเร็วมากขึ้น เช่น การต้องเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้เกิดการ Work from home , Online education, E-commerce เพิ่มมากขึ้น และท่ามกลางความก้าวหน้าอื่นๆนั้น ธุรกิจด้านสุขภาพก็เช่นกันที่อาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อมาจำลองความก้าวหน้าของเชื้อไวรัสและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อพัฒนาวัคซีนและนำมาทดสอบเพื่อนำมาใช้ให้เร็วที่สุด
มุมมองของ Morningstar ต่อ Disruptive Technology
หากลองวิเคราะห์บริษัทต่างๆที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการพัฒนาดังกล่าว ทั้งจากการเพิ่มอัตรากำไร รายได้ที่เติบโตมากขึ้น การประหยัดต้นทุน และการมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เราจึงสามารถสรุปเรื่องของ Disruptive Technology ได้ออกเป็น 9 theme ที่สำคัญดังนี้
Big data and analytics: การใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากที่มีความซับซ้อน
Bioinformatics: ชีวสารสนเทศศาสตร์หรือวิเคราะห์ข้อมูลทางชีวภาพที่มีความซับซ้อน
Energy & environmental systems: การพัฒนาพลังงานทางเลือกหรือพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อสร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Financial services: การบริการทางการเงินที่แตกต่างไปจากระบบการเงินแบบเดิม และการใช้สกุลเงินดิจิตอล
Medicine & neuroscience: ความก้าวหน้าของธุรกิจยารวมถึงการศึกษาโครงสร้างหรือการทํางานของสมองและระบบประสาท
Nanotechnology: วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับ Nanotechnology การจัดการโมเลกุลและอะตอมของแต่ละบุคคล
Networks and computer systems: การเพิ่มการเชื่อมต่อและเพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน
Robotics: การออกแบบและการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน
3D printing: การสร้างวัตถุจากแบบจําลองสามมิติ