เม็ดเงินกองทุนรวมในสหรัฐฯ ทำสถิติใหม่

ตลาดกองทุนรวมในสหรัฐฯ มีเงินไหลเข้าสูงทำสถิติใหม่ในรอบ 6 เดือนที่ 7.2 แสนล้านดอลลาร์

Morningstar 22/07/2564
Facebook Twitter LinkedIn

กองทุนรวมในสหรัฐฯมีเงินไหลเข้าสุทธิ 1 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สูงขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่ 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้ในรอบ 6 เดือนรวมไหลเข้าสุทธิ 7.2 แสนล้านดอลลาร์ หรือสูงสุดสำหรับช่วง 6 เดือนนับตั้งแต่ปี 1993 ที่มอร์นิ่งสตาร์เก็บข้อมูล โดยเม็ดเงินไหลเข้าเคยสูงสุดที่ 3.9 แสนล้านในครึ่งแรกของปี 2017 กองทุนที่บริหารแบบ passive มีเงินไหลเข้าสูงถึง 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินเข้าไปที่กองทุน ETF รวม 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์

us cat

การแบ่งกลุ่มกองทุนในสหรัฐฯ

เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าใจภาพรวมเม็ดเงินกองทุนในสหรัฐฯมากขึ้น มอร์นิ่งสตาร์จึงขออธิบายการแบ่งกลุ่มกองทุนดังนี้

มอร์นิ่งสตาร์มีการแบ่งกลุ่มกองทุนที่ต่างกันไปในแต่ละตลาด ยกตัวอย่างเช่นประเทศไทยจะมีการแบ่งตามประเภททรัพย์สินในเบื้องต้น หรือ Category group เช่น ตราสารทุน ตราสารหนี้ ผสม ตราสารตลาดเงิน และกลุ่มเหล่านี้จะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยตามลักษณะการลงทุนที่เจาะจง หรือ Morningstar Category เช่น หุ้นขนาดใหญ่ หุ้นสหรัฐฯ ตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารหนี้ทั่วโลก เป็นต้น ในขณะที่ตลาดสหรัฐฯก็จะมีวิธีการแบ่งที่คล้ายกันแต่จะมีรายละเอียดที่ต่างไปเล็กน้อยจากจำนวนกองทุนที่มากกว่าและการลงทุนที่แตกต่างหลากหลาย โดยในเบี้องต้นจะ Category Group จะแบ่งเป็น US Equity, Sector Equity, International Equity, Taxable Bond และอื่น ๆ โดยกลุ่มเหล่านี้จะแบ่งย่อยออกเป็น Large-Value, Large-Blend, Large Growth, Foreign Large-Value, Europe Stock, China Region เป็นต้น จากภาพด้านล่าง หากพูดถึง US Equity จะหมายถึงเม็ดเงินกองทุนในกลุ่ม Large-value, large-blend และกลุ่มอื่น ๆ ภายใต้ US Equity นั่นเอง

ตัวอย่างการแบ่งกลุ่มกองทุน

cat

กองทุนหุ้นเน้นมูลค่าได้รับความสนใจมากกว่าหุ้นเติบโต

กองทุนหุ้นสหรัฐฯ (US Equity) มีเงินไหลเข้า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์หลังจากที่มีเงินเข้าสุทธิเล็กน้อยในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า โดยมีกลุ่ม Large-Blend เป็นกลุ่มที่มีเงินไหลเข้าสูงสุดที่ 6.8 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นกลุ่มที่มีเงินไหลเข้าสุทธิตลอดทั้ง 6 เดือนที่ผ่านมา หรือรวมมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์

(กลุ่ม Large-Blend เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ โดยมีสไตล์การลงทุนผสมทั้งแบบหุ้นเติบโตและมูลค่า และมีการลงทุนหลายอุตสาหกรรม โดยปกติมักจะมีผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี S&P 500)

กองทุนหุ้นเติบโตเช่น Large-growth, mid-growth และ small-growth แสดงให้เห็นว่าผู้ลงทุนอาจมีการปรับพอร์ตโดยมีเงินออกจากกลุ่มเหล่านี้ไปบ้างจากผลตอบแทนที่แข็งแกร่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่สถานการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นกับกลุ่มหุ้นมูลค่าที่แม้ว่าจะมีผลตอบแทนที่ดีกว่า เห็นได้จากภาพด้านล่างแสดงเม็ดเงินไหลเข้า-ออกสะสมของกองทุนประเภทหุ้นเติบโตและหุ้นมูลค่า โดยในช่วงเวลาดังกล่าว Morningstar US Market Broad Value Index มีผลตอบแทน 16.9% สูงกว่า Morningstar US Market Broad Growth ที่ 13.4%

flow

หากเปรียบเทียบกองทุน active และ passive จะพบว่ากองทุนแบบ passive ได้รับความสนใจมากกว่าอย่างชัดเจน ในครึ่งปีแรกกองทุน US Equity ที่เป็น active fund มีเงินไหลออก 8.8 หมื่นล้านดอลลาร์ กองทุน ARK Innovation ETF เป็นผู้นำในกลุ่มด้วยเงินไหลเข้าสุทธิ 7.4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่กองทุน passive มีเงินไหลเข้า 1.6 แสนล้านดอลลาร์ นำโดย Vanguard 500 index VFINX ด้วยเงินไหลเข้า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์

active passive

International equity มีเงินไหลเข้าสูง กองทุนหุ้นจีนมีการเติบโตที่ดี

International equity มีเงินไหลเข้าราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์หรือมากที่สุดในประเภทการลงทุนตราสารทุน (ประกอบด้วย U.S. Equity, Sector Equity และ International Equity) แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับบริษัทจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่กลุ่ม China-region ยังมีอัตราการเติบโตสูงเป็นอันดับ 2 ในหมวด International equity ที่ 18.2% คล้ายกับกลุ่ม Diversified emerging markets ที่มีการลงทุนในหุ้นจีนในสัดส่วนที่สูง ก็ยังมีเงินไหลเข้าในกลุ่มนี้เช่นกัน

เงินไหลเข้าสุทธิกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นมากกว่าจากดอกเบี้ยผันผวน

ด้านกองทุนตราสารหนี้ Taxable Bond ยังคงเป็นกลุ่มที่มีเงินเข้าสูงสุดรวม 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกมีเงินไหลเข้ารวม 3.4 แสนล้านดอลลาร์ ในกลุ่มนี้มีกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นผู้นำด้วยเงินไหลเข้า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าตราสารหนีที่มีระยะยาวกว่า นอกจากนี้กองทุนกลุ่ม Inflation-protected bond มีเงินไหลเข้าสูงเช่นกันที่ 5.7 พันล้านดอลลาร์ โดยเป็นเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิต่อเนื่องมาเป็นเดือนที่ 14

flow

ทิศทางเม็ดเงินตลาดกองทุนรวมไทยมีความคล้ายกับตลาดสหรัฐฯ คือมีเงินกลับเข้าในกลุ่มตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะสั้น การลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ยังได้รับความสนใจ ขณะที่การลงทุนหุ้นจีนยังมีเงินไหลเข้าต่อเนื่อง แต่สำหรับกองทุนหุ้นจีนในประเทศไทยจะมีเงินไหลเข้าชะลอตัวลงกว่าไตรมาสแรก

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar