บทเรียนจากการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก

สิ่งแรกคือ ตลาดการเงินมีเหตุผลของมันเสมอ การเคลื่อนที่ของราคาสินทรัพย์จึงมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ควรจะเป็นและมีความชัดเจน แม้ว่าจะมีความผันผวนเกิดขึ้นในบางช่วงก็ตาม แต่สุดท้ายก็จะปรับไปสู่มูลค่าที่ควรจะเป็น อย่างเช่นในช่วงมีนาคม ปี 2020 ที่เกิด COVID19 หลังจากตลาดหุ้นปรับลดลงได้ไม่นาน ราคาก็ปรับเพิ่มขึ้นกลับมาอย่างมากหลังจากนั้น แม้ว่าบางธุรกิจจะต้องล้มหายไป แต่ผู้ถือหุ้นที่มีความอดทนมากพอและเข้าใจในบริษัทที่ลงทุน ท้ายที่สุดก็สามารถทำกำไรจากการลงทุน ทั้งนี้ หุ้นกลุ่ม Growth stock เติบโตได้ค่อนข้างดีในช่วงดังกล่าว เห็นได้จาก The Morningstar U.S. Growth Index ที่สร้าง Return ได้สูงถึง 63% ขณะที่ The Morningstar U.S. Value Index สร้าง Return ได้เพียง 38%  อย่างไรก็ตามในปี 2021 ตลาดหุ้นยังคงปรับขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่รอบนี้หุ้นกลุ่ม Value ให้ผลตอบแทนที่เอาชนะกลุ่ม Growth stock ซึ่งเป็นเพราะภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวทำให้นักลงทุนเริ่มย้ายเงินลงทุนมาในหุ้น Value แทน

บทเรียนต่อมาคือ การลงทุนแบบสวนกระแสก็สร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ดังเช่นในช่วงมีนาคมปี 20 ที่ตลาดหุ้นปรับลดลงอย่างมากจากการที่นักลงทุนส่วนใหญ่ขายสินทรัพย์ทิ้ง เพราะไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าผลกระทบจาก COVID19 จะเป็นอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลก แต่การเข้าลงทุนในช่วงดังกล่าวที่ราคาหุ้นปรับลงอย่างแรงก็สร้างผลกำไรให้แก่นักทุนได้ภายหลัง เพราะหลังจากนั้นตลาดหุ้นก็ปรับตัวสวนขึ้นมาได้อย่างมาก หรืออย่างเช่นราคาน้ำมันที่ปรับลงอย่างหนักในช่วงเมษายนปีที่แล้ว แต่หลังจากนั้นราคาก็ปรับขึ้นมาในภายหลัง ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ กลุ่ม U.S. equity energy group ให้ผลตอบแทนสูงถึง 44%

สุดท้ายคือการลงทุนใน Bitcoin หรือทองคำ  แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นสินทรัพย์ทางเลือกในการลงทุนเพื่อป้องกันเงินเฟ้อหรือใช้ในภาวะที่ค่าเงินมีแนวโน้มอ่อนค่า แต่การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ทั้ง 2  กลับสวนทางกัน โดยในครึ่งแรกของปีนี้ราคา Bitcoin ปรับเพิ่มขึ้นถึง 22% ขณะที่ทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อย ทำให้ สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนให้แก่กันและกันได้ และนักลงทุนก็จะสลับการลงทุนไปมาระหว่างสินทรัพย์ทั้ง 2 อย่าง