สรุปภาพรวมกองทุนรวมไตรมาส 3-2021 (3)

กองทุนรวมต่างประเทศ (ไม่รวม Term Fund) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาสที่ 2 ไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลเข้าสุทธิ 5.6 หมื่นล้านบาท รวม 9 เดือนเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ 2.5 แสนล้านบาท 

Morningstar 11/10/2564
Facebook Twitter LinkedIn

กองทุนรวมต่างประเทศ (ไม่รวม Term Fund) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาสที่ 2 หรือ 50.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลเข้าสุทธิ 5.6 หมื่นล้านบาท รวม 9 เดือนเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ 2.5 แสนล้านบาท

ตลาดหุ้นต่างประเทศอาจมีความผันผวนมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาแต่ในภาพรวมนักลงทุนยังทยอยลงทุนต่อเนื่อง โดยในไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลเข้าสุทธิกองทุนหุ้นต่างประเทศ 4.7 หมื่นล้านบาท รวม 9 เดือน 2.3 แสนล้านบาท ด้านกองทุนตราสารหนี้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 9.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้า มีเงินไหลออกสุทธิ 3.6 พันล้านบาท ทำให้มีสัดส่วนลดลงต่ำกว่า 9% ของการลงทุนกองทุนต่างประเทศ (ไม่รวม term fund)

tna

จากการที่กองทุนต่างประเทศมีมูลค่ากองทุนหุ้นจีนเป็นสัดส่วนสูง ปัจจัยเชิงลบที่เกิดขึ้นกับหุ้นจีนไม่ว่าจะเป็นประเด็นความปลอดภัยของข้อมูลที่เกิดขึ้นกับ Didi การออกกฎให้สถาบันการศึกษาเป็นหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไรที่ส่งผลโดยตรงกับสถาบันกวดวิชาหลายแห่ง การจำกัดเวลาเล่นเกมส์กับเยาวชนจีน มาจนถึงการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท China Evergrande ทำให้บรรยากาศการลงทุนหุ้นจีนได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก โดยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมากองทุนหุ้นจีนมีผลตอบแทนต่ำที่สุดหรือเฉลี่ย -13.9% อย่างไรก็ดีนักลงทุนอาจมองเป็นโอกาสการลงทุน ทำให้ในไตรมาสที่ผ่านมามีเงินไหลเข้าสุทธิ 7.5 พันล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินลดลง 10.7% จากไตรมาสก่อน ไปอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท หรือลงมาอยู่อันดับที่สองในหมวดกองทุนต่างประเทศ

fif by cat

โดย 2 ใน 3 ของเงินลงทุนหุ้นจีนมูลค่า 1.7 แสนล้านบาทนี้เป็นเงินลงทุนใน 5 บลจ. นำโดย บลจ. กสิกรไทย 3.9 หมื่นล้านบาท โดยมีเงินไหลเข้าในปีนี้รวม 2.4 หมื่นล้านบาท ตามมาด้วย บลจ.กรุงไทย มูลค่ารวม 2.7 หมื่นล้านบาท จากเงินไหลเข้าสุทธิ 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินไหลเข้าในไตรมาสแรกและเริ่มมีเงินไหลออกในไตรมาสล่าสุด ด้าน บลจ.ทหารไทย มีมูลค่าทรัพย์สินอันดับ 3 และมีเงินไหลเข้าน้อยกว่า บลจ. อื่นใน 5 อันดับแรก อีกทั้งผลตอบแทนที่ติดลบในปีนี้ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

china flow by firm

ในช่วงที่เกิดข่าวเชิงลบเกี่ยวกับจีนนั้นแต่ละกองทุนอาจได้รับผลกระทบที่มากน้อยแตกต่างกัน หากอ้างอิงกลุ่มกองทุนของ Master fund จะสามารถแบ่งได้ดังนี้ EAA Fund China Equity (จีนและฮ่องกง), EAA Fund China Equity - A Shares, EAA Fund Greater China Equity (จีน ฮ่องกง และไต้หวัน) และ US Fund China Region ซึ่งเป็น ETF ในสหรัฐ โดยกองทุนที่เน้นลงทุนหุ้น A-shares จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าหรือมีผลตอบแทนเฉลี่ยรอบไตรมาสล่าสุดที่ -9.1% ขณะที่กองทุนที่ลงทุนในฮ่องกงด้วยจะมีผลตอบแทนแย่กว่า และกลุ่ม ETF จะมีผลตอบแทนติดลบมากที่สุดเฉลี่ย -19.3% เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของจีน

cat of china master

ด้านกองทุนกลุ่ม Global Equity แม้แรงซื้อจะแผ่วลงบ้างในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม แต่ต่อมาในเดือนกันยายนกลับมามีแรงเข้าซื้อมากขึ้น ทำให้ในไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลเข้าสุทธิรวม 1.7 หมื่นล้านบาท นำโดยเม็ดเงินกองทุน SCB Global Experts A รวม 4.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนเปิดใหม่ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการลงทุนในกองทุนหลัก (Core fund) คือ Julius Baer Global Excellence Equity และกองทุนอื่น ๆ เป็นกองทุนเสริม (Satellite fund) โดยรวมกองทุนกลุ่ม Global Equity มีเงินไหลเข้าสะสมรอบ 9 เดือนทั้งสิ้น 6.8 หมื่นล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้น 7.3% จากไตรมาสก่อนหน้าและเข้าใกล้ระดับ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้กองทุนกลุ่มนี้มีผลตอบแทนเฉลี่ย 3 เดือนล่าสุดที่ -1.8%

กองทุนกลุ่ม Global Bond มีมูลค่าทรัพย์สินลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสล่าสุดมีเงินไหลออกสุทธิอีก 4.9 พันล้านบาท ทำให้เป็นกลุ่มที่มีเงินไหลออกสุทธิสะสมสูงสุดของปีนี้ 2.4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เม็ดเงินไหลออกเป็นเงินจากหลาย บลจ. โดย บลจ.ธนชาตและบลจ.ทหารไทยมีเงินไหลออกสุทธิรวมกัน 1.4 หมื่นล้านบาท

fif flow

กองทุนรวมฟีดเดอร์ (Feeder Fund)

กองทุน Feeder fund มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 7.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากไตรมาสที่ 2 ในรอบนี้ยังคงมี บลจ. JPMorgan เป็นผู้นำตลาดจากการมีมูลค่าทรัพย์สินสูงขึ้น 10.7% จากเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนฟีดเดอร์รวม 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยกองทุนหุ้นจีนที่ลงทุนผ่านกองทุน K China Equity ของบลจ. กสิกรไทย กองทุนกลุ่ม Healthcare นอกจากนี้ยังมีเม็ดเงินจากกองทุน Bualuang US Alpha ที่เปิดใหม่ในไตรมาสล่าสุดด้วยเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิรวมมากกว่า 2 พันล้านบาท

บลจ. BlackRock มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยในไตรมาสที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มไปที่กองทุน BGF Global Allocation สูงสุดราว 6 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนผ่านกองทุน K Global Allocation ขณะเดียวกันมีเม็ดเงินไหลออกจากกองทุน Renewable Energy ราว 4 พันล้นบาท ทำให้บลจ. BlackRock มีเงินไหลเข้าสุทธิระดับ 2 พันล้านบาท

ในไตรมาสที่ผ่านมามีการสลับอันดับบลจ. Master fund ในลำดับที่ 3-5 โดยบลจ. PIMCO ตกลงไปอยู่ที่อันดับ 4 ซึ่งเป็นการสะท้อนเม็ดเงินที่ออกจากกลุ่ม Global Bond ด้านบลจ. UBS ที่มีมูลค่าการลงทุนเกือบทั้งหมดเป็นกองทุนหุ้นจีน ทำให้ได้รับผลกระทบจากประเด็นของตลาดหุ้นจีนชัดเจนกว่าบลจ. อื่น โดยมูลค่าทรัพย์สินลดลง 15% จากไตรมาสที่ 2 ขณะเดียวกัน บลจ. Allianz ที่มีกองทุนหุ้นจีนในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญเช่นกัน แต่ด้วยพอร์ตการลงทุนที่แตกต่าง ประกอบกับมีการขายกองทุนกลุ่มอื่นด้วยเช่น หุ้นยุโรป ที่มีเงินไหลเข้าและผลตอบแทนเป็นบวกจึงทำให้มูลค่ากองทุนในบลจ. Allianz ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า

master fund

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar