ตลาดหุ้นจีนอยู่ในช่วงขาลงจริงหรือ

ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของบริษัทในจีนปรับลดลงอย่างมาก กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีนกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกองทุนทั้งหมดที่ราคาปรับลดลงกว่า 10% ในปีนี้ อย่างไรก็ตามราคาหุ้นของบริษัทจีนที่ซื้อขายอยู่ในแต่ละดัชนีกลับมีความผันผวนที่แตกต่างกัน

Morningstar 08/11/2564
Facebook Twitter LinkedIn

ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของบริษัทในจีนปรับลดลงอย่างมาก ทั้ง Tencent (TCEHY) , Alibaba (BABA) หรือ TAL Education รวมไปถึงกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีนกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกองทุนทั้งหมดที่ราคาปรับลดลงกว่า 10% ในปีนี้ อย่างไรก็ตามราคาหุ้นของบริษัทจีนที่ซื้อขายอยู่ในแต่ละดัชนีกลับมีความผันผวนที่แตกต่างกัน โดยหุ้นจีนที่ซื้อขายอยู่ในอเมริกาผ่าน American depositary receipts (ADRs) นั้นปรับลดลงค่อนข้างมากที่สุด ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?? ดังนั้นเพื่อเป็นการทำความเข้าใจต่อตลาดหุ้นจีนว่าเป็นอย่างไรก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนนั้น ลองมาศึกษาดูกันว่าเป็นอย่างไร

1

ในแต่ละดัชนีมีหุ้นแตกต่างกันอย่างไร

ปกติหุ้นในตลาดจีนจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ซื้อขายในตลาดแบบ onshore และ offshore โดยหุ้นของบริษัทในจีนที่ซื้อขายอยู่ในตลาด onshore หรือที่เรียกกันว่า China A-shares สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นเท่านั้น ขณะที่กลุ่ม offshore ก็คือ หุ้นจีนที่ซื้อขายอยู่ในต่างประเทศอย่างเช่นในอเมริกาผ่าน ADRs หรือเป็นหุ้นจีนที่ไปจดทะเบียนซื้อขายโดยตรงอยู่ในตลาดหุ้นของอเมริกาและตลาดฮ่องกง (HK-Listed)

2

3

หากเปรียบเทียบโดยดูที่บริษัทขนาดใหญ่ในจีน 100 บริษัทแรก ระหว่างที่ซื้อขายใน HK-Listed และที่เป็น ADRs พบว่ามีประมาณ 30 บริษัทที่รายชื่อต่างกัน อย่างเช่น e-commerce platform อย่าง Pinduoduo และ electric vehicle startup NIO มีซื้อขายอยู่ใน ADRs แต่ไม่มีใน HK-Listed  ส่วนในแง่ market capitalization จะพบว่าบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายอยู่ในอเมริกามักจะเป็นบริษัทที่มีขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่

4

สิ่งที่มีผลต่อดัชนีอีกเรื่องคือน้ำหนักของแต่ละ Sector ในแต่ละดัชนี อย่างเช่นในช่วงที่ผ่านมาที่ทางการจีนออกมาควบคุม Internet company ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มนี้อย่างเช่น Tencent Alibaba ปรับลดลง และส่งผลกระทบต่อดัชนีที่มีหุ้นในกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ S&P/BNY Mellon China Select ADR ที่ปรับลดลงมากที่สุดหากเทียบกับดัชนีอื่น เนื่องจากน้ำหนักเกือบ 50% ของดัชนีอยู่ในกลุ่ม consumer cyclicals อย่างเช่น Alibaba, JD.com, Pinduoduo ขณะที่ดัชนี CSI 300 ซึ่งมีสัดส่วนของหุ้นกลุ่ม consumer cyclicals เพียงเล็กน้อย ทำให้ไม่โดนผลกระทบของราคาหุ้นในกลุ่มนี้มากนัก

5

ความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละดัชนี

ปกติเวลาลงทุนในต่างประเทศมักจะมีความเสี่ยงที่ต้องเจอ เช่น เรื่องของค่าเงิน มาตรฐานบัญชี และการเข้าถึงข้อมูล ทำให้ที่ผ่านมานักลงทุนในอเมริกานิยมลงทุนในหุ้นจีนผ่าน ADRs จำนวนมาก แต่ด้วยข้อขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐที่มีมากขึ้นทำให้มีความเสี่ยงที่ในอนาคตการลงทุนผ่าน ADRs นี้อาจถูกยกเลิกไปในสหรัฐก็เป็นได้ ซึ่งก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ช่วงที่ผ่านมาราคาของ China ADRs ปรับลดลงอย่างมาก   สำหรับมาตรฐานบัญชีที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ทำให้มีความเสี่ยงที่บริษัทต่างชาติที่เข้ามาซื้อขายอยู่ในสหรัฐอาจถูกเพ่งเล็งและระงับการซื้อขายชั่วคราวได้หากงบการเงินและการเปิดเผยข้อมูลไม่ได้ผ่านมาตรฐานบัญชีของสหรัฐ นอกจากนี้บริษัทต่างชาติที่เป็นที่รู้จักน้อยก็จะมีปัญหาเรื่องของสภาพคล่องในการซื้อขายต่ำ ส่งผลให้ราคาหุ้นผันผวนสูงกว่าปกติ

ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน

หากนักลงทุนอยากจะลงทุนผ่านกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีน ต้องพิจารณานโยบายการลงทุนให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ เช่น กองทุนนั้นๆมีนโยบายลงทุนใน China A-shares หรือ ADRs หรือผ่าน Hong Kong exchange เนื่องจากแต่ละดัชนีมีกลุ่มบริษัทให้เลือกลงทุนที่แตกต่างกัน เช่น China A-shares ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นกลุ่ม old economy อย่างเช่น financial services และenergy ขณะที่การลงทุนผ่าน Hong Kong exchange หรือ ADRs ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นกลุ่ม communication services และ consumer cyclical ซึ่งจะมีผลต่อผลตอบแทนของแต่ละกองทุนที่มีความแตกต่างกันตามตัวอย่างใน Exhibit6 ที่แต่ละกองทุนมีการลงทุนในหุ้นจีนด้วยน้ำหนักที่แตกต่างกันในแต่ละดัชนี

Krane Shares CSI China Internet เป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมสูงปีนี้ มีการลงทุนใน ADR รวม 63% และส่วนที่เหลือลงทุนในตลาดฮ่องกง โดยกองทุนนี้เน้นลงทุนใน internet companies ของจีน เช่น Alibaba, JD.com, Tri.com และทำให้กองทุนได้รับผลกระทบที่รุนแรง ในทางกลับกัน iShares MSCI China A ETF มีการลงทุนที่ไม่ได้เน้นว่าเป็นหุ้นที่ซื้อขายในตลาดใด โดยมีการลงทุนกระจายใน 614 บริษัทและกว่าครึ่งจดทะเบียนที่เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น กองทุนนี้มีผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ 1.74%

6

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar