ตลาดการเงินกับเหตุการณ์ในยูเครน

ตลาดการเงินในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบไปด้วยจากกรณีรัสเซียเข้าโจมตียูเครน ตลาดหุ้นในยุโรปปรับลดลงอย่างมาก ขณะที่ภาพตลาดสหรัฐค่อนข้าง Mixed หุ้นกลุ่ม Technology ที่ปรับลดลงเริ่มฟื้นตัว 

Morningstar 28/02/2565
Facebook Twitter LinkedIn

ตลาดการเงินในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบไปด้วยจากกรณีรัสเซียเข้าโจมตียูเครน ตลาดหุ้นในยุโรปปรับลดลงอย่างมาก ขณะที่ภาพตลาดสหรัฐค่อนข้าง Mixed หุ้นกลุ่ม Technology ที่ปรับลดลงเริ่มฟื้นตัว กลุ่ม Financial และ Consumer ยังคงไม่ฟื้นตัวจากความไม่แน่นอนในความขัดแย้งและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เริ่มชะลอลง ส่วนทองคำและน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ความคาดหวังต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนมีนาคมเริ่มลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ 0.5% เหลือ 0.25% แม้ว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและยูเครนจะสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อให้สูงขึ้นก็ตาม

1

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในอดีตสะท้อนให้เห็นว่าความขัดแย้งทางการเมืองแม้จะมีความไม่แน่นอนสูงแต่ก็มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น เหตุการณ์ขีปนาวุธในคิวบา หรือ 9/11 ซึ่งมีผลต่อตลาดการเงินเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ เท่านั้นก่อนที่ตลาดจะฟื้นตัวกลับมาปกติในภายหลังเนื่องจากว่าผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจนั้นเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยโดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงกว่า 10% ในช่วงสัปดาห์หลังจากที่รัสเซียได้โจมตียูเครน ซึ่งเป็นความกังวลต่อเนื่องว่า Fed อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้นได้

2

ทั้งนี้ Morningstar’s chief U.S. market strategist คาดว่าในระยะสั้นตลาดการเงินจะยังคงผันผวนและขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในยูเครน รวมถึงการเข้ามาแทรกแซงของสหรัฐและชาติพันธมิตรว่าจะทำให้เหตุกาณ์รุนแรงขึ้นหรือบรรเทาลง และแม้ว่าเหตุกาณ์ความไม่สงบจะไม่ได้กระทบโดยตรงต่อหุ้นในตลาดสหรัฐแต่ความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจคือความกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ขณะที่ James Paulsen ซึ่งเป็น chief investment strategist ของ Minneapolis-based institutional research กล่าวว่าแม้นักลงทุนจะกังวลต่อเหตุการณ์ดังกล่าวและหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้น แต่จริงๆแล้วหุ้นสหรัฐยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และแม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นแต่ก็ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำอยู่ดี

สำหรับภาพตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้นกลุ่ม Technology เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วงก่อนที่ปรับลดลงจากความคาดหวังต่ออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

3

ตลาดตราสารหนี้อย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นที่ต้องการของนักลงทุนอย่างมากเพื่อทดแทนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยอัตราผลตอบแทนปรับลดลงเล็กน้อยในช่วงดังกล่าว

4

หลังจากรายงานอัตราเงินเฟ้อและตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐที่ออกมาทำให้นักลงทุนคาดว่าโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในเดือนมีนาคมจะเร่งตัวสูงขึ้นเป็น 50 bps จากก่อนหน้าที่คาดการณ์ 25 bps แต่หลังจากที่เกิดเหตุโจมตีของรัสเซียในยูเครนก็ทำให้คาดการณ์ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นลดลง

5

Ed Yardeni หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของ Yardeni Research เชื่อว่าแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed จะชะลอลงโดยปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 25 bps ในเดือนมีนาคม และชะลอการปรับลดการถือครองตราสารลง ทั้งนี้ การตัดสินใจของ Fed จะมีความซับซ้อนมากขึ้นอันเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากราคาพลังงานและพืชผลทางการเกษตรที่สูงขึ้นจากประเด็นความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครนซึ่งอาจส่งผลต่ออุปทานที่ลดลง (รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่) รวมถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกแร่ palladium ที่สำคัญโดยมีสัดส่วนประมาณ 33% ของอุปทานในตลาด ขณะที่ David Meats นักวิเคราะห์กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคของ Morningstar ไม่เชื่อว่าจะมีการคว่ำบาตรเพิ่มเติมเนื่องจากจะเป็นการลดอุปทานของน้ำมันและก๊าซที่มีจากรัสเซีย ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมต่อเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปหลังจากที่ราคาพลังงานอยู่ในระดับสูงอยู่แล้วจากภาวะอุปทานขาดแคลนก่อนหน้านี้ ทำให้ Fed จำเป็นต้องประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกับความเป็นไปได้ที่ราคาพลังงานและราคาสินค้า Commodity ที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้ชะลอลงมากกว่าที่คาดการณ์ได้

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar