สรุปภาพการลงทุนปี 2022

ในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นอยู่ในภาวะที่เรียกว่าตลาดหมี ขณะที่ตราสารหนี้ก็สร้างผลขาดทุนให้กับนักลงทุนอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าคาดการณ์   รวมถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจที่ถดถอย

Morningstar 09/01/2566
Facebook Twitter LinkedIn

ในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นอยู่ในภาวะที่เรียกว่าตลาดหมี ขณะที่ตราสารหนี้ก็สร้างผลขาดทุนให้กับนักลงทุนอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าคาดการณ์  แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจที่ถดถอย

1

2

ตลาดหุ้น

สำหรับภาพตลาดหุ้นในปีที่ผ่านมาจากเริ่มต้นปีที่ปรับตัวขึ้นสูงแต่สุดท้ายปิดปีด้วยการปรับลงอย่างมากซึ่งเป็นผลมาจากภาพเศรษฐกิจทั้งเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมากจนทำให้ Fed ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง การเกิดปัญหา Supply chain รวมถึงราคาน้ำมันและสินค้า Commodity ที่ปรับสูงขึ้น นอกจากนี้นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับภาพ Earnings ในปี 2023 หากออกมาต่ำกว่าคาดก็อาจส่งผลเชิงลบต่อตลาดเช่นกัน

 ทั้งนี้ ปกติแล้วตลาดหมีที่ปรับลงก็มักจะเด้งฟื้นคืนดังเช่นในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่นักลงทุนเริ่มคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับลดลงและจะทำให้ Fed หยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ส่งผลให้ U.S. Market Index ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงกลางเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนสิงหาคมถึง 18.1% แต่หลังจากอัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่องก็ทำให้นักลงทุนผิดหวังและตลาดหุ้นปรับลดลงถึง 25.4% จากจุดสูงสุด นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนจากความคาดหวังว่า Fed จะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนที่จะปรับลงอีกในช่วงสิ้นปีจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2023

3

ในแง่ราย Sector พบว่ากลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับขึ้นได้ดีที่สุดหลังจากราคาน้ำมันและก๊าซปรับเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และสถานการณ์การสู้รบในรัสเซียและยูเครน ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับลงอย่างมากหลังจากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นและเกิดความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งรวมไปถึงการปรับลงของหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน ขณะที่หุ้นกลุ่ม Defensive อย่าง Healthcare และ Utility ยังคงมี Performance ได้ดีในช่วงดังกล่าว

4

นโยบายการเงินของ Fed เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ

หลังจากที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเพื่อชะลอเงินเฟ้อ ก็ส่งผลให้ Bond yields ปรับสูงขึ้นทำระดับสูงสุดเช่นกัน โดย Fed funds rate target สิ้นปี 2022 อยู่ที่ 4.25%-4.50%

5

อย่างไรก็ดี chief U.S. economist ของมอร์นิ่งสตาร์ คุณ Preston Caldwell คาดว่า Fed อาจหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงต้นปี 2023 และปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงสิ้นปี ขณะที่การประชุม Fed ในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้คาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% ด้านการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ช่วงสิ้นปี 2023 นั้นออกมาอยู่ที่ 5.1% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 4.6% ซึ่งหมายถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกสามครั้งที่ 0.25% ในปี 2023 โดยไม่มีการปรับลดจนถึงสิ้นปี

6

ผลตอบแทนตลาดตราสารหนี้

ในปีที่ผ่านมาตลาดตราหนี้ก็ให้ผลตอบแทนที่ติดลบเช่นกันหลังจากที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed (แม้ว่าในช่วง 3 เดือนสุดท้ายจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกก็ตาม แต่ทั้งปีผลตอบแทนของตราสารหนี้ก็ยังติดลบ) ส่งผลให้ Bond yield ปรับสูงขึ้นและราคาตราสารปรับลดลง

ทั้งนี้ Morningstar US Core Bond Index ลดลง 16.7% ขณะที่ Morningstar Long-Term Core Bond Index และ Morningstar Long-Term Treasury Index ก็ปรับลดลงกว่า 25% (ยิ่งมี Durations ยาว ก็ยิ่งผันผวนสูงตามอัตราดอกเบี้ย) หรือแม้แต่ Treasury Inflation-Protected Securities ที่มีไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ติดลบในช่วงดังกล่าวเช่นกัน

7

ความผันผวนของตลาดหุ้นและบอนด์

ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ตลาดหุ้นและบอนด์ถูกเทขายจากนักลงทุน สำหรับตลาดตราสารหนี้ค่าความผันผวนซึ่งวัดจาก Standard deviation ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากค่าในอดีต โดยในช่วงไตรมาส 3 หลังจากที่เงินเฟ้อยังสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ก็ทำให้ความผันผวนในตลาดกลับมาอีกครั้งจากก่อนหน้าที่ลดลงจากการที่คาดว่า Fed จะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

8

ผลตอบแทนกลุ่ม Commodity

ทองคำให้ผลตอบแทนติดลบในปีที่ผ่านมา ซึ่งการที่ทองคำไม่อาจสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนได้ในยามที่เงินเฟ้อขึ้นสูง เป็นเพราะค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ามากขึ้นจากการที่ Fed เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจึงทำให้ความต้องการถือครองทองคำลดลง

ด้านราคาน้ำมันและก๊าซปรับขึ้นสูงในปีที่ผ่านมาโดยราคา Crude oil ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดที่ 106 เหรียญต่อบาเรลล์ในช่วงเดือนมีนาคม เช่นเดียวกันกับการปรับขึ้นของราคาแป้งสาลีซึ่งเป็นผลจากสงครามในยูเครนรัสเซียทำให้กระทบต่อระบบ Supply chain ขณะที่ราคาทองแดงนั้นปรับลดลงตามภาพเศรษฐกิจของโลก

9

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar