14 Charts ที่นักลงทุนควรรู้

14 Charts ที่นักลงทุนควรรู้ ทั้งภาพรวมตลาดหุ้น เงินเฟ้อ และอื่นๆ

Morningstar 21/07/2566
Facebook Twitter LinkedIn

ตลาดกระทิงรอบใหม่?

แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะยังไม่มีเรื่องที่ดีเข้ามา แต่ตลาดหุ้นกลับไม่เป็นเช่นนั้น โดย Nasdaq ซึ่งนำโดยหุ้นกลุ่ม Tech ปรับขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1983 หรือ +32% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้

1

และไม่ใช่เพียงแต่ Nasdaq ที่ปรับขึ้นดี แต่หุ้นในกลุ่ม Large cap และ Small cap ใน US รวมถึงตลาดหุ้นนอก US และ Emerging market ก็เติบโตได้ดีเช่นกัน

2

ทั้งนี้หากย้อนไปจะพบว่าตลาดหุ้นปรับลดลงไปสู่จุดต่ำสุดตั้งแต่ช่วงตุลาคมของปีที่แล้ว และจากนั้นปรับเพิ่มขึ้นมากว่า 20% จากจุด Bottom ทำให้ตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่าตลาดกระทิงแล้ว (ตามนิยามของตลาดกระทิง)

3

อย่างไรก็ดีอาจจะเป็นแค่ Bull market ในช่วงสั้นๆก็เป็นได้ และเนื่องจากมีหุ้นเพียงไม่กี่ตัวที่ขับเคลื่อนตลาดให้เพิ่มขึ้นทำให้อาจกลายเป็นแค่ Bear-market rally ก็ได้

กลุ่มหุ้นที่มีผลต่อตลาด

ปัจจุบันจะเห็นว่ามีหุ้นเพียงไม่กี่ตัวในตลาดที่มีผลอย่างมากต่อตลาดหุ้นสหรัฐ โดยตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน พบว่ามีหุ้นประมาณ 7 ตัว หรือที่เราเรียกกลุ่มนี้ว่า Magnificent seven ที่มีผลต่อผลตอบแทนของทั้งตลาดถึง 80% ทำให้เรื่องนี้อาจเป็นปัญหาหนึ่งของตลาดหุ้นสหรัฐเนื่องจากมีหุ้นเพียงไม่กี่ตัวที่มีผลต่อตลาดรวมอย่างมาก

4

และหากมองตลาดย้อนกลับไป 80 ปี ก็พบว่าช่วงที่ตลาดให้ผลตอบแทนสูงๆ นั้นมักจะเป็นผลมาจากหุ้นเพียง 10% หรือน้อยกว่านั้นจากจำนวนหุ้นทั้งหมดในตลาด หรือพูดง่ายๆก็คือมันเป็นปกติที่ตลาดจะถูก Dominate โดยบริษัทเพียงไม่กี่บริษัท

5

เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย?

ตั้งแต่ต้นปีนักเศรษฐศาสตร์หลายท่านต่างคาดว่าสหรัฐจะเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยผลสำรวจจาก Philadelphia Fed ตั้งแต่เดือนมกราคม พบว่า 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดการณ์ว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า

6

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเรายังไม่พบสัญญาณว่าจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างเช่น เรื่องของการท่องเที่ยวที่พบว่าในเดือนมิถุนายนมีนักท่องเที่ยวกว่า 2.5 ล้านคนต่อวัน เดินทางผ่านสนามบินในสหรัฐ  ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2019

7

ทั้งนี้ Airbus AIR ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่อันดับสอง ระบุว่าปัจจุบันนั้นไม่สามารถผลิตเครื่องบินให้ได้ทันกับ คำสั่งซื้อที่มีเข้ามา เช่นเดียวกับ Boeing BA ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่อันดับหนึ่ง ที่คาดว่าจะจัดส่งเครื่องบินให้ได้เร็วที่สุดในปี 2030 ซึ่ง Dave Calhoun CEO ของ Boeing พูดว่า "การที่ลูกค้าสั่งเครื่องบินและยอมรอจนถึงปี 2030 เพราะเขามองเห็นสิ่งเดียวกัน ก็คือความต้องในระยะยาวของการท่องเที่ยวที่อยู่ในระดับสูง” ซึ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทางเรือก็เป็นแบบเดียวกัน Carnival Cruise Lines CCL ระบุว่ายอดการจองขณะนี้ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

และถึงแม้ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่ตอนนี้ยังไม่เข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย ทำให้ คาดว่าผลสำรวจ Philadelphia Fed อาจลดลงมาอยู่ที่ 30% ได้

Fed Meeting รอบเดือนกรกฎาคม

การประชุมของ Fed รอบเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้นถือเป็นรอบสำคัญ เพราะหลังจากที่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องมา 10 ครั้ง สุดท้ายแล้ว Fed ตัดสินใจคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00%-5.25%ในรอบนี้ หลายคนมองว่าการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed นั้นเป็นแบบ "Hawkish pause" ซึ่งทำให้คิดได้ว่าจะมีการขึ้นต่อได้อีกในอนาคต โดยการประชุม Fed ในเดือนกรกฎาคมนี้ ตลาดยังคงคาดว่า Fed จะยังขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่ออีก 0.25% แต่จะเป็นการขึ้นรอบสุดท้ายและตลาด Futures ยังคาดว่า Fed อาจเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน พ.ค. ปีหน้า ซึ่งการที่ Fed นั้นมีความ Aggressive ลดลงก็มาจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลงนั่นเอง

1

เงินเฟ้อ

รายงานเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมลดลงมาอยู่ที่ 4.1% ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่อง 11 ครั้ง และต่ำสุดตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2021

1

หลังจากอัตราเงินเฟ้อนั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 9% ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว อัตราการเติบโตนั้นก็ลดลงอย่างชัดเจนหลังจากนั้น ซึ่งเป็นผลจากราคาพลังงาน ราคารถมือสองและรถบรรทุก ที่ปรับลดลง รวมไปถึงราคาค่าตั๋วเดินทางที่ปรับลดลงจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับลด ซึ่งเป็นผลจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างมากของ Fed ในอดีต

1

นอกจากนี้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานยังดีขึ้น เห็นได้จาก New York Fed Supply Chain Index ที่แสดงให้เห็นได้ว่าได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดในเดือนธันวาคม ปี 2021 ไปแล้ว

1

อุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย

ราคาบ้านใน US ปรับลดลง 0.2% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงแบบ year-over-year เป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2012

1

ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าตลาดที่อยู่อาศัยกำลังตกอยู่ในจุดที่ย่ำแย่ แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น เห็นได้จากราคาหุ้นในกลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้างแทบจะทำ All-time high

1

แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้นจาก 3% เป็น 7% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าจะเป็นปัจจัยลบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม แต่ด้วยปริมาณที่อยู่อาศัยที่มีจำกัดและขาดสมดุลมานานกว่า 10 ปี และความต้องการที่มีมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคยังมีความต้องการที่สูงภายใต้ดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงนั่นเอง

โดยเมื่อมองย้อนกลับไป 40 ปี ใกล้กับช่วง Global financial crisis มีบ้านเกือบ 26 ล้านหลังถูกสร้างขึ้นในทุกทศวรรษ แต่ในช่วงทศวรรษล่าสุดกลับมีบ้านเพียง 5.8 ล้านหลังเท่านั้นที่ถูกสร้างขึ้น

1

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar