ความสำเร็จของ The Super Mario Bros และยอดขายเครื่องเล่นเกมส์ Switch ทำให้หุ้น Nintendo ถูกปรับเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ Morningstar ได้ปรับเพิ่ม Rating ของ Nintendo ขึ้น และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหรือ Fair value จาก ¥6,000 เป็น ¥7,000 เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันของ Nintendo นั้นยังถือว่าต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น (Undervalued)
Nintendo (7974) ถือว่าอยู่ในธุรกิจเกมส์มานานถึง 40 ปีแล้ว และการขยายเครือข่ายผ่าน Super Mario Bros., Pokemon, The Legend of Zelda, Mario Kart และ Animal Crossing นั้นเชื่อว่าจะช่วยให้บริษัทสร้างรายได้เติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Nintendo ได้มุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจที่นอกเหนือจากธุรกิจเกมส์ เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้งานได้มากขึ้น เพราะเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Brand power ของ Nintendo นั้นประสบความสำเร็จมากขึ้น และล่าสุดจากผลงานของภาพยนตร์ The Super Mario Bros ก็ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ได้ออกมาสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ที่ Nintendo ใช้ในการต่อยอดจากตัวการ์ตูนต่างๆที่สร้างมา
โดยรายได้จากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ของ Nintendo อยู่ที่ 185 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 82% และเกินจากที่เราคาดหมายไว้ที่ 145 พันล้านเยน นอกจากนี้กำไรจากการดำเนินงานยังสูงกว่า 40% นับตั้งแต่ช่วง Pandemic เมื่อ 3 ปีก่อน ในขณะที่บริษัทยังคงคาดการณ์รายได้ทั้งปีไว้ที่ 450 พันล้านเยน (ปกติรายได้มักขึ้นกับผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปี) ขณะที่เรายังคงคาดการณ์รายได้ทั้งปีไว้ที่ 575 พันล้านเยน (สูงเป็นอันดับต้นๆจากในอดีตที่เคยทำได้) นอกจากนี้ธุรกิจเกมส์แบบ Switch platform ยังคงสามารถสร้างกำไรได้สูงต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 แม้ว่าจะเหมือนเป็นช่วง Cycle ท้ายๆของ Platform นี้ก็ตาม
รายได้จากกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรได้เพิ่มจาก 11 พันล้านเยน ไปเป็น 31.9 พันล้านเยน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาพยนตร์ The Super Mario Bros. เป็นหลัก โดยภาพยนตร์เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน (เข้าฉายถึงเดือนสิงหาคม) สร้างรายได้มากถึง 1.35 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์ที่สร้างรายได้มากเป็นอันดับที่ 15 จากทั่วทั้งโลก อย่างไรก็ดีรายได้ส่วนนี้พบว่าเป็นเพียง 13.6% ของรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนของ Nintendo เท่านั้น แต่ในระยะยาวนั้นคาดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าให้กับ Nintendo และนำพาไปสู่การเข้าถึงธุรกิจอื่นๆของบริษัทต่อไป
ในด้านยอดขายของเกมส์ Switch ในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 52.2 ล้านชิ้น สูงขึ้นจากปีก่อนถึง 26% ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จของเกมส์ The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom ที่มียอดขายสูงถึง 18.5 ล้านชิ้น ในเวลาเพียง 8 สัปดาห์ นอกจากนี้บริษัทยังคาดว่ายอดขายของเกมส์ Mario รุ่นก่อนๆ จะมีความต้องการเข้ามาจากภาพยนตร์ที่ออกฉายไปแล้วด้วย อีกทั้งบริษัทยังมีแผนปล่อยเกมส์ Mario รุ่นใหม่อีกจำนวน 2 เกมส์ จึงคาดการณ์ว่าปีนี้จำนวน Shipment ของเกมส์ Switch จะสูงถึง 200 ล้านชิ้น มากกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ที่ 180 ล้านชิ้น
ด้านยอดขายเครื่องเล่นเกมส์ Switch ก็เพิ่มสูงขึ้น 14% จากปีก่อนหน้า และนับเป็นครั้งแรกที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 9 ไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ความสำเร็จของภาพยนตร์ Super Mario นั้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ เพราะพบว่ามีการตอบรับที่ดีทั้งในญี่ปุ่นและอเมริกาซึ่งสร้างแรงดึงดูดให้กับผู้ใช้งานรายใหม่มากขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่ายอดขายเครื่องเล่นเกมส์ Switch ในปีนี้จะอยู่ที่ 15.5 ล้านเครื่อง สูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้เดิมที่ 15 ล้านเครื่อง