แนวโน้มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า

แนวโน้มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 4 เท่าในปี 2030  

Morningstar 18/09/2566
Facebook Twitter LinkedIn

รถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่มีการใช้งานมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะใช้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่ายอดขายของรถ EV จะมีมากถึง 40% ของรถยนต์ทั้งหมดในปี 2023 หรือประมาณ 40 ล้านคันได้ (ไม่รวมรถยนต์ไฮบริดอีก 20 ล้านคัน) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 5 เท่าของยอดขายรถ EV ในปี 2022

1

ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ EV ทั่วโลกเติบโต ปริมาณการใช้งานจริงกลับแตกต่างกัน โดยคาดการณ์ว่าจีนและยุโรปจะเป็นอันดับหนึ่งและสองด้านการใช้งานและยอดขาย ส่วน US แม้จะยังช้าแต่จะเติบโตตามมาในปี 2030 และแม้ว่าราคารถยนต์ EV จะแพงกว่ารถยนต์ทั่วไป แต่คาดว่าราคาจะลดลงจากต้นทุนแบตเตอรี่ที่ลดลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่จะลดลง การสร้างจุดชาร์จรถจะมีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ยอดขายรถ EV เพิ่มสูงขึ้นแม้จะไม่มีการอุดหนุนจากภาครัฐเพื่อกระตุ้นการใช้งานก็ตาม

หุ้นที่น่าลงทุนจากการวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานของรถ EV

ยอดขายแบตเตอรี่ของรถ EV ที่พุ่งสูงขึ้นจะแปลงโฉมอุตสาหกรรมหลายๆกลุ่มในห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะสร้างโอกาสขึ้นมากมายในห่วงโซ่ของรถ EV ซึ่งรวมถึงการสร้างจุดชาร์จและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม

กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ BorgWarner

ผู้ผลิตมอเตอร์, กล่องเกียร์, Inverters, Converters, Battery management systems, Onboard chargers และ Software สำหรับรถ EV โดยคาดว่าบริษัทจะมียอดขายถึง 48% มาจากรถ EV ในปี 2030 สูงขึ้น 6% จากปี 2022 และคาดว่ายอดขายจะเติบโต 2-4% ในช่วงที่การผลิตรถยนต์ EV สามารถแซงหน้าการผลิตรถยนต์ ICE

กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์ Sensata Technologies 

Sensata Technologies ขายระบบ Sensors และ Electrical protection สำหรับรถ EV ทั้งนี้ Sensata ตั้งเป้ายอดขายถึง $2 พันล้านเหรียญในปี 2026 เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่ยังต่ำกว่า $500 ล้านเหรียญ โดยครึ่งหนึ่งของเป้ายอดขายนี้มาจากอุตสาหกรรมยานยนต์

ผู้ผลิตลิเทียม Albemarle 

ธุรกิจใหญที่สุดคือการผลิตลิเทียม ซึ่งสร้างกำไรมากถึง 90% จากกำไรทั้งหมด ลิเทียมจะได้รับผลดีจากการใช้รถ EV ที่มากขึ้น เพราะความต้องการลิเทียมที่มากขึ้นจะทำให้ราคาลิเทียมดีขึ้น ขณะที่ต้นทุนการผลิตของ Albemarle ยังมาจากแหล่งที่มีต้นทุนต่ำที่สุดอีกด้วย ทั้งนี้ Albemarle กำลังลงทุนเพื่อที่จะขยายกำลังการผลิตลิเทียมเป็น 4 เท่า ภายใน 10 ปี

ผู้รับจ้างผลิตยานยนต์ General Motors 

GM มีความใฝ่ฝันที่จะขายเฉพาะรถที่เป็น Zero emission ทั่วโลกภายในปี 2035 โดยประกาศเปิดตัวรถ BEV ในราคาที่ไม่สูงมากในตลาดปีนี้ชื่อ Chevrolet Equinox CUV ที่ราคา $30,000 เหรียญ ทั้งนี้ GM วางแผนลงทุน $35 ล้านเหรียญ ในการพัฒนา EV และ AV ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2025 และตั้งใจจะเปิดตัวรถ EV จำนวน 30 โมเดล ในปลายปี 2025 พร้อมกับกำลังการผลิต BEV 1 ล้านคันต่อปีในตอนเหนือของอเมริกา และอีก 1 ล้านคันต่อปีในจีน   GM ยังคงมีเทคโนโลยีแบตเตอรี่จำเพาะชื่อ Ultium ซึ่งขายให้กับบริษัทอื่น เช่น Honda อีกด้วย

กลุ่มแบตเตอรี่ Samsung SDI 

Samsung SDI เป็นหนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รถ EV ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีฐานการผลิตแบตเตอรี่สำหรับผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลก เราคาดการณ์ว่ายอดขายของ Samsung SDI จะโต 20% ต่อปีถึงปี 2025 อย่างไรก็ดีอาจจะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว เนื่องจากผู้จำหน่ายแบตเตอรี่รถ EV นั้นยังขาดอำนาจการต่อรองด้านราคา และหลังจากที่บริษัทกำลังลงทุนในการสร้างฐานการผลิตแบตเตอรี่ ทำให้คาดการณ์ว่ายอดขายแบตเตอรี่จะโตได้ถึง 27% ต่อปี

EV Chargers ChargePoint 

ChargePoint เป็นผู้จำหน่าย EV charging software และอุปกรณ์ต่างๆ โดย ChargePoint เน้นเติบโตทั้งในตลาดผู้ใช้งานในบ้านและตลาด Commercial และยังมีการขยายตลาดไปยังฝั่งยุโรป ซึ่งปัจจุบันมียอดขายอยู่ถึง 20%

กลุ่มวัตถุดิบ Glencore 

Glencore เข้าสู่วงการ EV จากการผลิตวัตถุดิบทองแดง โคบอลต์ และนิกเกิล โดยมีข้อได้เปรียบทางด้านต้นทุน อย่างไรก็ตามการเติบโตของธุรกิจนั้นแทบไม่โต ยกเว้นโคบอลต์ซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 40% ในปี 2025 จากปี 2022 จากผลการลดกำลังการผลิตในปี 2019

Specialty Chemicals Celanese 

ผู้ผลิตวัสดุวิศวกรรมรายใหญ่ที่สุด ซึ่งได้แก่ พลาสติกที่นำมาใช้แทนโลหะในยานยนต์ โดยเกือบ 50% ของยอดขายบริษัทมาจากอุตสาหกรรมยานยนต์  ทั้งนี้ Celanese เพิ่งจะซื้อธุรกิจของบริษัท DuPont ในส่วนธุรกิจ Mobility และ Materials ที่ทำเกี่ยวกับตลาดยานยนต์ และหลังจากที่การควบรวมนั้นสมบูรณ์ Celanese น่าจะเติบโตได้ดีตามการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ทั่วโลก

กลุ่ม Automotive Semiconductors Infineon Technologies 

Infineon เป็นผู้นำตลาด Power semiconductors ที่เป็นส่วนสำคัญในการนำส่งพลังงานให้กับระบบรถ EV โดยบริษัทมียอดขายมากกว่า 40% มาจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะที่ชิ้นส่วน Chip ต่อรถหนึ่งคันยังมีแนวโน้มที่สูงมากขึ้นอีกด้วย

กลุ่ม Utilities Edison International 

Edison มีแผนลงทุน EV charging network ที่ใหญ่ที่สุดใน US บริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถให้บริการรถ EV ได้มากถึง 3 ล้านคันภายในปี 2030 Edison มีแผนที่จะลงทุน $6 พันล้านเหรียญต่อปีเป็นเวลา 3 ปี ใน Electric distribution และ Transmission grid upgrades ใน California ทำให้ในอนาคตเมื่อมีการใช้รถ EV มากขึ้น การลงทุนใน Infrastructure ต่างๆก็จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างมาก

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar