เศรษฐกิจขาลงของจีน

เศรษฐกิจขาลงของจีนส่งผลอย่างไรกับเศรษฐกิจโลก

Morningstar 25/09/2566
Facebook Twitter LinkedIn

แม้ว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆอย่างเช่น สหรัฐ แคนาดา และอังกฤษ ต่างพากันขึ้นอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราที่ระดับสูงต่อไปอีกซักระยะหนึ่ง แต่ธนาคารกลางของจีนกลับปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงมาที่ 3.45% ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ เงินหยวนที่อ่อนค่า และปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ และเนื่องด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจของจีนที่มีความใหญ่อย่างมากจึงส่งผลกระทบไปยังส่วนต่างๆทั้งประเทศคู่ค้า การส่งออกสินค้าโลหะของโลก และทำให้สินค้าบางอย่างมีราคาที่ถูกลงในบางประเทศอีกด้วย

ผลกระทบจากจีนที่มีต่อสินค้าโภคภัณฑ์ในโลก

ภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเคยเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีนนั้นเป็นตัวอย่างของผลจากการที่จีนพยายามลดการพึ่งการเติบโตที่มาจากการกู้หนี้และการลงทุน ส่งผลให้ยอดขายที่พักอาศัยและการลงทุนภายในประเทศจีนนั้นอ่อนแอลง และยังส่งผลโดยตรงไปยังประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่ค้าขายกับจีนอย่างเช่น เช่น ชิลี เปรู แอฟริกาใต้ และออสเตรเลีย อันเนื่องมาจากความต้องการสินค้าที่ลดลงและทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับลดลงไปด้วย ขณะที่ในระยะยาวการที่จีนพยายามทำให้เศรษฐกิจพึ่งพาการเติบโตที่มาจากการบริโภคในประเทศมากขึ้นและลดการลงทุนลง ก็จะทำให้การค้าระหว่างประเทศคู่ค่านั้นลดน้อยลงไปด้วย

การชะลอลงของเศรษฐกิจจีนเปลี่ยนแปลงภาพการค้าโลก

อุปสงค์ที่หายไปจากจีนจะถูกแทนที่จากความต้องการจากประเทศอื่นมากขึ้นแทน   Chris Kushlis หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดเกิดใหม่และจีนที่ T. Rowe Price เห็นว่าบรรดาผู้ผลิตสินค้าโลหะสำหรับก่อสร้างที่พักอาศัยจะได้รับแรงกดดันจากการที่จีนลดการก่อสร้างลง อย่างไรก็ดี การมุ่งไปสู่ Green energy infrastructure จะช่วยส่งเสริมผู้ส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ในอเมริกาใต้ อินโดนีเชีย และแอฟริกาใต้ได้แทน และในทางกลับกันจีนก็กำลังสร้างฐานการผลิตนอกประเทศในสินค้ากลุ่ม Lower value-added product ในตลาดเอเชียเช่นกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการส่งออกจากประเทศเหล่านั้นได้เช่นกัน ด้าน Aninda Mitra หัวหน้านักลยุทธ์การลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ที่ BNY Mellon Investment Management พบว่าภาพรวมตอนนี้ผู้ส่งออกจากเอเชียต้องอาศัยตลาดโลกมากกว่าจีนที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอลง ซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐและการอ่อนแอลงในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

สินค้าจีนที่มีราคาถูกลงจะช่วยเรื่องภาวะเงินเฟ้อของโลกให้ดีขึ้น

สินค้าของจีนที่ราคาถูกลงนั้นเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้นำเข้าสินค้าจากจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่หลายประเทศประสบกับภาวะเงินเฟ้อ Tiffany Wilding นักเศรษฐศาสตร์ที่ Pimco เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยนแปลงหลังเกิดการระบาดของโควิด จีนจะยังมีส่วนขับเคลื่อนการค้าและวัฏจักรอุตสาหกรรมโลกได้หรือไม่ สินค้าของจีนจะมีมากจนล้นตลาด ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่า และสัดส่วน Inventory-to-sales ที่เพิ่มสูงขึ้น จะช่วยลดต้นทุนสินค้าส่งออกจากจีนไปต่างประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ Producer Price Index จาก National Bureau of Statistics of China มีค่าลดลง 4.4% เมื่อเปรียบเทียบจากปีก่อน ณ เดือนกรกฎาคม 2023 และนับว่าเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10

1

การลดลงของค่า PPI บ่งชี้ถึงภาวะเงินฝืดที่ส่งสัญญาณไปสู่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และเป็นสิ่งที่ดีต่อโลกตะวันตกที่ยังต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยสินค้าที่ล้นตลาดจะส่งผลกระทบต่อตลาดผู้บริโภคของโลก เนื่องจากราคาสินค้าน่าจะลดลงเร็วขึ้นในอีกหลายไตรมาสจากนี้

แผนกระตุ้นที่รอคอยจากจีน

ภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจขาลงของจีนในคราวนี้ เนื่องจากมีขนาดใหญ่ถึงหนึ่งในสี่ของ GDP จีน และส่งผลชัดเจนต่อการเติบโต และความมั่นใจในภาคเอกชนที่ลดลงนั้นทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปได้ยากขึ้น แผนกระตุ้นเศรษฐกิจจึงมีความจำเป็นในการนำออกมาใช้ และถ้ายิ่งรอนานหรือไม่มากพอก็จะยิ่งอันตรายต่อภาพของจีนในอนาคต  Kushlis จาก T. Rowe Price เชื่อว่าจะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยในจีนและแผนการใช้จ่ายที่มากขึ้น และส่งผลต่อค่าเงินหยวนที่อ่อนตัวลงจากการแข็งค่าของ US ดอลลาร์ซึ่งเป็นผลจากดอกเบี้ยในสหรัฐที่สูงขึ้นขณะที่ดอกเบี้ยในจีนนั้นปรับลดลง

ตลาดหุ้นจีนจะปรับขึ้นได้จากแรงขับเคลื่อนของนโยบายเศรษฐกิจหรือไม่

Matt Wacher ตำแหน่ง chief investment officer for Asia-Pacific ที่ Morningstar Investment Management เชื่อว่าจีนจะสามารถควบคุมเศรษฐกิจของประเทศได้ สภาพเศรษฐกิจจีนที่เป็นอยู่นี้จะเกิดขึ้นไม่นาน และด้วยราคาปัจจุบันเทียบกับมูลค่าพื้นฐานทำให้ตลาดจีนมีความน่าสนใจลงทุนอย่างมาก

ส่วนประเทศสหรัฐเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบจากจีนเพียงเล็กน้อยเพราะด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ของสหรัฐ แต่ในมุมของมูลค่าพื้นฐานพบว่าไม่น่าสนใจลงทุนเนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐได้ปรับขึ้นมามากแล้ว

Gary Ng ตำแหน่ง senior economist for Asia-Pacific thematic research ที่ Natixis Natixis Corporate & Investment Banking กล่าวว่านักลงทุนควรรอดูผลที่เกิดขึ้นจริงจากนโยบายที่ปรับใช้ เนื่องจากรัฐบาลได้ส่งสัญญาณออกมาแล้วว่าจะทำเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงไม่ควรคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะออกมามากมาย และยังไม่น่าจะส่งผลต่อกำไรของภาคธุรกิจและรายได้ครัวเรือนให้สูงขึ้นได้ ทั้งนี้ยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุน เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสีเขียว และเทคโนโลยี

ด้าน Mitra จาก BNY Mellon เชื่อว่าสภาพปัจจุบันของจีนไม่น่าจะแย่ไปกว่านี้แล้วและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้สะท้อนภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่อ่อนแอไปมากแล้ว และยังให้มุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นจีน เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นจีนมีมูลค่าต่ำเกินไปกว่าที่จะขาย แต่ก็ยังอ่อนแอเกินไปที่จะเข้าซื้อ แต่การลงทุนในจีนอาจมองได้ว่าเป็นการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในภาวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นในกลุ่มประเทศสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น รวมถึงป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในประเทศที่พัฒนาแล้ว

 

 

 

 

 

 

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar