อัตราดอกเบี้ยในระดับปกติ

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ตลาดรับรู้และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกสักระยะ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ปรับเพิ่มสูงขึ้น

Morningstar 25/10/2566
Facebook Twitter LinkedIn

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ตลาดรับรู้และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกสักระยะ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับการกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยและต้นทุนการกู้ยืมนั้นได้ปรับขึ้นถึงระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 ที่ระดับ 4.83%  ขณะที่ผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นเช่น พันธบัตรอายุ 6 เดือน ปรับสูงขึ้นถึงระดับ 5.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2000

และแม้ว่านักลงทุนอาจมองว่าสถานการณ์ในช่วงนี้เป็นสภาวะที่ไม่ปกติ แต่บางส่วนก็เชื่อว่าภาวะดอกเบี้ยอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเงินปี 2008 แล้ว นักลงทุนจึงควรคุ้นเคยกับภาวะปัจจุบันของอัตราดอกเบี้ยซึ่งควรนับว่าเป็นภาวะที่เป็นปกติ และหากย้อนหลังไปเมื่อ 60 กว่าปีที่แล้วอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเคยขึ้นไปถึงระดับ 5.9% ด้วยซ้ำไป ดังนั้นในแง่นักลงทุนจึงควรรับมือกับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งผลกระทบต่อมูลค่าหุ้น รวมไปถึงจะทำอย่างไรให้มีเงินลงทุนพอใช้ในยามเกษียณภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงเช่นนี้

1

อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำผิดปกติ

ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออัตราผลตอบแทนตราสารหนี้และอัตราดอกเบี้ยในตลาดก็คือทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ทั้งนี้ในช่วงวิกฤติการเงินปี 2008 นั้น Fed ได้ใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินหรือ QE โดยการขยายขนาดงบดุลผ่านการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับลดลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและทำให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้แก่ภาคธุรกิจและครัวเรือนได้มากขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับลดลงเหลือ 2.3% จากช่วงก่อนเกิดวิกฤติการเงินที่เฉลี่ย 4.9% และการที่อัตราดอกเบี้ยถูกกดให้อยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงนั้นติดลบ (Negative real rates) ซึ่งขัดกับภาวะปกติที่อัตราดอกเบี้ยควรสูงกว่าเงินเฟ้อ (เงินเฟ้อเฉลี่ยระยะยาวอยู่ที่ 2.5%) ซึ่งจะทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนในตราสารหนี้เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ชดเชยเงินเฟ้อได้

อัตราดอกเบี้ยในระดับปกติ

ในช่วงที่เกิดการระบาด COVID-19 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับขึ้นสูงกว่า 4% จากที่เคยอยู่ในระดับต่ำในปี 2020 ซึ่งเป็นผลจากการที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 0% ตั้งแต่ในช่วงมีนาคมปี 2022 เป็นต้นมาสู่ระดับนโยบายเป้าหมายที่ 5.25%-5.50% เพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงและตลาดแรงงานสหรัฐที่ร้อนแรง

1

ทั้งนี้นักลงทุนต่างคาดเดาว่าสุดท้ายทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไร นักวิเคราะห์ในตลาดการเงินบางส่วนเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันนั้นอยู่สูงกว่าระดับปกติและน่าจะยังอยู่ในระดับสูงแบบนี้ไปอีกระยะ ขณะที่บางส่วนมองว่าอัตราดอกเบี้ยสามารถปรับสูงขึ้นได้อีกจากปัจจุบัน ทั้งนี้หากดูองค์ประกอบต่างๆไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นได้อีกและส่วนเพิ่มของอัตราดอกเบี้ยจากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงอีกประมาณ 2.5% นั่นแปลว่าอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้สามารถอยู่ในกรอบ 4%-5% ได้

อัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นโอกาสลงทุนสำหรับตราสารหนี้

Lawrence Gillum หัวหน้านักกลยุทธ์ตราสารหนี้ที่ LPL Financial เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่ได้ปรับสูงขึ้นไปมากกว่าปัจจุบันแล้วและอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในทิศทางที่เหมาะสม ทำให้เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะกลับไปสู่ระดับปกติในที่สุด โดย Treasury inflation-protected securities ซึ่งสามารถใช้บ่งชี้ถึงระดับอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงที่รวมผลกระทบจากเงินเฟ้อแล้วนั้น ปัจจุบันให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.34%ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงแล้วจากอดีตเมื่อเทียบกับช่วงก่อนวิกฤติการเงินปี 2008 นั้นให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2.5%

1

ด้าน Kristy Akullian นักกลยุทธ์ลงทุนที่ BlackRock คาดว่าอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจะปรับสูงขึ้นได้อีกและดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับที่สูงไปอีกสักพัก แต่ก็แนะนำให้นักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ได้แล้วเนื่องจากว่าการจับจังหวะเข้าลงทุนเป็นเรื่องที่ยาก แม้ว่านักลงทุนหลายคนจะยังรอให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเข้าใกล้จุดสูงสุดก่อนและค่อยลงทุนก็ตาม

 

 

 

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar