7 Charts สำหรับหุ้น AI หลังการเปิดตัว ChatGPT

ChatGPT เริ่มใช้งานเมื่อปีที่แล้ว และมันไม่ได้เป็นแค่เพียงเครื่องมือออนไลน์ที่ใหม่และน่าสนใจเท่านั้น มันได้ทำให้การพูดเรื่องปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เปลี่ยนแปลงไป และสร้างความสนใจให้กับนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการใช้งานสิ่งเหล่านี้

Nvidia บริษัทผู้ออกแบบชิปโปรเซสเซอร์ เป็นตัวอย่างของความยิ่งใหญ่ของ AI โดยหุ้นของบริษัทนี้ได้พุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 200% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาโดยเกิดจากความเป็นผู้นำในตลาดชิปที่เหมาะที่สุดสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ทำเรื่อง AI 

โดยดัชนี Morningstar Global Next Generation Artificial Intelligence ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 68% ในปี 2023 มากกว่า การเพิ่มขึ้นของตลาดทั่วไปถึง 3 เท่า

ChatGPT คืออะไร และทำไมมันถึงสำคัญ?

ChatGPT ไม่ได้จากที่ไหนมา จริงๆแล้วเป็นเทคโนโลยีที่อยู่ภายใต้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งมีมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว โดยเครื่องมือนี้อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า generative AI หมายความว่ามันสามารถเรียนรู้วิธีการตอบสนองต่อคำถามและสร้างข้อความหรือรูปภาพได้ Generative AI ทำให้เกิดความสามารถที่มีประสิทธิภาพสำคัญๆในหลายอุตสาหกรรมและในสังคม (และยังเพิ่มความกังวลใจในเรื่องของการนำไปใช้ที่ผิดและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้)

"ตลาดบูมขึ้นอย่างมากในปี 2023 ด้วยการลงทุนที่เพิ่มขึ้นใน generative AI, และเราไม่เห็นว่ามันจะลดลงในเร็ว ๆ นี้," กล่าว Brian Colello, ผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยีของ Morningstar.

หลายบริษัทกำลังเริ่มใช้ AI กับผลิตภัณฑ์ของพวกเขา Salesforce CRM ได้ใช้งาน AI ตั้งแต่ปี 2016, Microsoft  ตอนนี้มีการนำเอา chatbot ชื่อ Copilot มาผสมผสานในซอฟต์แวร์ Microsoft 365 ที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย, Colello บอกว่าบางบริษัท เช่น Wendy’s (WEN) และ Walmart (WMT) ได้ใช้ AI โดยตรงกับลูกค้าในธุรกิจขายปลีก.

นักวิเคราะห์ของ Morningstar ได้แบ่งออก AI เป็นสี่ธีมหลัก: generative AI, AI data and infrastructure, AI software, และ AI Services.

"บริษัท Cloud computer จะต้องใช้งบลงทุน และชิปในการเพิ่มความจุและเทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นการเติบโตที่มหาศาล" กล่าว Brian Colello. ส่งผลกระทบต่อหุ้น  AI มากขึ้นหลังจาก Nvidia รายงานถึงความต้องการชิปที่เกี่ยวกับ AI ที่เพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม

ในขณะที่ผลกระทบจริงของ AI ต่อธุรกิจและโลกยังมาไม่ถึง แต่ผู้ชนะที่เราได้เห็นแล้วนั่นคือบริษัทที่สร้างชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่จำเป็นสำหรับการคำนวณอย่างมหาศาลสำหรับการฝึกโมเดล AI และการจัดการคำถามต่างๆ

ผู้เล่นรายใหญ่ถัดไปอาจจะเป็นบริษัท Cloud Computing ทั้งนี้การเริ่มใช้ generative AI ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ Cloud Computing อย่างมาก (นับเป็นหนึ่งในเทรนการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี ที่ใหญ่ที่สุด) ปัจจุบันหลายธุรกิจได้ใช้บริการเช่าพื้นที่ในการเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Amazon.com ผ่าน AWS, Microsoft ผ่านแพลตฟอร์ม Azure, Google Cloud ของ Alphabet (GOOGL), และ Oracle Cloud

และตอนนี้ดูเหมือนว่า Cloud Computing เริ่มจะเติบโตขึ้นอีกขั้น และจะเป็นส่วนสำคัญเพื่อให้บริษัทมีพื้นที่สำหรับข้อมูลปริมาณมหาศาลที่จำเป็นสำหรับการฝึกและการจัดการโมเดล AI และการตอบสนองต่อคำถามของผู้ใช้งาน

เมื่อการจัดการข้อมูลนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ทำให้บริษัทอื่นๆ ก็มีโอกาสได้รับประโยชน์จาก AI เช่นกัน ตัวอย่างเช่น บริษัทด้านการจัดเก็บข้อมูลเช่น Snowflake (SNOW) และ MongoDB (MDB)