NVIDIA

ด้วยความสำเร็จของ NVIDIA ที่ไม่อาจปฎิเสธได้ ทำให้กลายเป็นบริษัทที่มียอดค้นหาผ่าน Google สูงขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด

ความสนใจต่อบริษัทที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นผลมาจากราคาหุ้นที่ผ่านมารวมไปถึงผลการดำเนินงานที่ออกมาดี โดยในแง่มูลค่าตลาดหุ้นโดยรวม NVIDIA มีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ใน 1 วันกว่า 277,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่ประกาศงบการเงินในรอบที่ผ่านมา

หลังรายงานผลประกอบการ CEO ของ NVIDIA  “Jensen Huang” ได้แสดงมุมมองว่าสิ่งที่บริษัททำอยู่ตอนนี้คือเทคโนโลยีใหม่ที่ซับซ้อนขึ้นหรือเรียกได้ว่าเป็น AI supercomputer

ในมุมมองของนักลงทุนเชื่อว่าหุ้นของ NVIDIA จะยังคงขึ้นได้และยากที่จะปรับลง แต่เทคโนโลยีก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเร็วและสามารถถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างรวดเร็ว กำไรของคู่แข่งคือโอกาสของผู้เล่นในธุรกิจนี้ และการแข่งขันที่รุนแรงทำให้เป็นที่สงสัยได้ว่า NVIDIA จะยังคงรักษาการเติบโตไว้ต่อไปได้หรือไม่

ทั้งนี้ NVIDIA ระบุว่ามีการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง ใช้ทั้งในระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ขั้นสูงเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญอย่างมากในการทำงาน และการที่บริษัทผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีโดยครอบคลุมไปในธุรกิจต่างๆมากมายก็อาจทำให้มีโอกาสผิดพลาดได้โดยง่ายซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ในแง่ทางเลือกในการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนหุ้น NVIDIA ก็มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินเกิดขึ้นมากมายสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทดังกล่าว และ NVIDIA ก็กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ถูกซื้อขายจำนวนมากในตลาด

Marta Norton (CEO ของ Morningstar wealth) เผยว่าเงินลงทุนที่ไหลเข้าตลาด S&P500 นั้น ประมาณ 32% เป็นการเข้าลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ 10 อันดับแรกของตลาด แสดงให้เห็นว่าการกระจายการลงทุนของนักลงทุนนั้นเริ่มลดลง นักลงทุนที่มีวินัยการลงทุนที่ดีจึงควรเริ่มพิจารณากระจายการลงทุนให้มากขึ้น ซึ่งเหมือนกับหลักการที่ George Patton เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าทุกคนคิดเหมือนกันหมด ก็เท่ากับว่าไม่มีใครคิด”

ทั้งนี้ ความเห็นที่สอดคล้องกันของนักลงทุนส่วนใหญ่คือ 1. ตลาดหุ้นสหรัฐนับเป็นตลาดหลักที่ดีที่สุดในการลงทุนของนักลงทุน 2. หุ้นเติบโต (Growth stock) ดีกว่าหุ้นคุณค่า (Value stock) 3.หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีคืออุตสาหกรรมที่ดีที่สุดในตลาด อย่างไรก็ดี เราไม่ควรที่จะเห็นคล้องไปกับแนวคิดดังกล่าวโดยดูแค่เพียงผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐในปัจจุบันเท่านั้น และสิ่งที่เกิดในปัจจุบันก็ไม่อาจสะท้อนสิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้ เหมือนดังคำกล่าวของ Mark Twain ที่ว่า “อะไรที่เราคิดว่าใช่แน่นอน จริงๆแล้วอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้”