Bill Gross เตือนนักลงทุน

เราควรฟังคำแนะนำของ Bill Gross ที่ได้ออกมาเตือนนักลงทุนให้เลี่ยงการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้หรือไม่?

Morningstar 13/05/2567
Facebook Twitter LinkedIn

เค้ามีแรงจูงใจแอบแฝงหรือไม่

โดยปกติเชื่อว่าธรรมชาติของมนุษย์ย่อมอยากเห็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการให้เป็น ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ก็ต้องอยากที่จะขายกองทุนตราสารหนี้ ผู้จัดการกองหุ้นก็อยากที่จะหาโอกาสการลงทุนในทุกที่ และนักลงทุนก็อยากเห็นราคาของหลักทรัพย์ที่ตัวเองถืออยู่นั้นฟื้นคืนมา อย่างไรก็ดีการที่เราจะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองก็เป็นสิ่งที่ไม่ผิด ผู้จัดการกองทุนย่อมเชื่อมั่นในมุมมองการลงทุนของตัวเอง ซึ่งแม้ว่าความคิดของ Bill Gross จะสวนทางจากความเชื่อของนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ก่อนหน้านี้มาตลอดก็ตาม

มุมมองเศรษฐกิจข้างหน้า

Bill Gross เชื่อว่าในระยะยาวเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังสูงขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐจะยังมีการเติบโตของขยายตัวของสินเชื่อที่สูง โดยเฉพาะการระดมเงินผ่านพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสุทธิกว่า 1-2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในทุกปี ซึ่งจะทำให้มีปริมาณตราสารหนี้ออกจำหน่ายเป็นจำนวนมาก และทำให้ Bond yield ปรับสูงขึ้น ขณะที่ราคาพันธบัตรปรับลดลง

อย่างไรก็ดีหลายๆครั้งที่ผ่านมาในอดีตการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญต่างๆก็อาจไม่ได้ถูกต้องเสมอไป อย่างเช่นในปี 2010 ที่มีการออกมาเตือนจากสำนักข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์ The Guardian ว่าการทำ QE หรือ Quantitative easing ของ Fed จะทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ครั้งใหญ่ซึ่งก็ยังไม่เห็นเป็นเช่นนั้น

ราคาตราสารหนี้

Bill Gross ได้ยกตัวอย่างในปี 1980 ซึ่งเป็นช่วงที่ Treasury yields ได้ปรับขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด การลงทุนในตราสารหนี้แม้ว่าจะเป็นตราสารระยะยาวก็ไม่ทำให้นักลงทุนขาดทุน เนื่องจาก Yield ที่ได้นั้นพอช่วยชดเชยความเสี่ยงจากราคาของพันธบัตรที่ลดลงได้

เพื่อทดสอบแนวคิดดังกล่าวเราลองคำนวณโดยสมมติว่าถ้าถือลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีใน 3 ช่วงเวลาคือช่วง Sept 1981 ที่พันธบัตรให้ Yield อยู่ที่ 15.84%, ช่วง Aug ปี 2020 ที่พันธบัตรให้ Yield อยู่ที่ 0.52% และปัจจุบันที่ Yield 4.50% โดยสมมติว่าถือลงทุนในแต่ละช่วงเป็นเวลานาน 2 ปีและสมมติว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลง 2%ในช่วงดังกล่าว จะได้ผลตอบแทนที่แท้จริงจากการปรับขึ้นลงของดอกเบี้ยในแต่ละช่วงเวลาดังภาพ

1

และหากปรับผลตอบแทนที่ได้ด้วยอัตราเงินเฟ้อในแต่ละช่วงเวลา (ซึ่งได้แก่ 9.92%, 1.15% และ 3.04%) เพื่อแสดงให้เห็นผลตอบแทนจากการลงทุนที่แท้จริงจะพบว่าได้ผลตอบแทนดังรูปด้านล่าง

1

จะเห็นว่าแม้รวมผลกระทบของเงินเฟ้อแล้วการลงทุนในตราสารหนี้ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดีได้เช่นกันทั้ง 3 ช่วงเวลาที่ทดสอบ แต่อย่างไรก็ดีหากเราเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ได้ปรับลดลงมากในอนาคตการลองดูทางเลือกการลงทุนใน Treasury Inflation-Protected Securities ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทั่วไป

โดยสรุปแล้วเชื่อว่าในมุมมองของ Bill Gross นั้นน่าจะคาดว่าตลาดตราสารหนี้จะยังไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ดีมาก และในช่วง 1 ปีข้างหน้า Bond yield อายุ 10 ปีอาจปรับเพิ่มขึ้นไปถึง  5% กว่าก็เป็นไปได้ ซึ่งเราเองก็เห็นด้วยว่าการถือเงินสดหรือ Treasury Inflation-Protected Securities ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

Facebook Twitter LinkedIn

About Author

Morningstar  Morningstar