Awards Winner - Equity Large Cap

หากพูดถึงกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหุ้นของ บลจ. บัวหลวง จะมีความโดดเด่นในการลงทุนในระยะยาว ถือหุ้นและทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่องในสินทรัพย์ที่ทาง บลจ. มีความเชื่อมั่น ลักษณะการลงทุนจะเป็นแบบ ซื้อแล้วถือ แล้วปล่อยให้ผลกำไรวิ่งต่อไป (Let profit run) ทำให้ในช่วง 3 ถึง 5 ปีที่ผ่านมากองทุนหุ้นของ บลจ. บัวหลวง มีความโดดเด่นชัดเจนอย่างต่อเนื่อง และกองทุน Bualuang Top-Ten ก็ถือเป็นกองทุนที่สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะในช่วง 2 ปีหลังที่ผ่านมา ทำให้กองทุนมีผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลังสูงถึง 18.34% ต่อปี ขณะที่ค่าเฉลี่ยของกลุ่มทำได้ 12.42% และยังคงรักษาค่าความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอีกด้วย

โดยนโยบายการลงทุนที่โดดเด่นของกองทุน Bualuang Top-Ten คือการเลือกลงทุนแบบกระจุกตัวในหุ้นที่คัดเลือกแล้วว่าดีที่สุดประมาณ 10-15 ตัวเท่านั้น

บลจ. บัวหลวง กล่าวว่า ในปี 2012 ต่อเนื่องจากปี 2011 กองทุนบัวหลวงเน้นเรื่องการแสวงหาและคัดเลือกหุ้นที่เป็น Stars เป็น Growth Stocks ภายใต้ Theme การลงทุนที่เห็นข้างหน้าในอนาคต เป็นแนวทางในการบริหารกองทุน เพราะกำไรของบริษัทที่ลงทุนจะเป็นตัวตัดสินคุณค่าและราคาหุ้นในระยะยาว

ดังนั้น Thinking Process จึงสำคัญที่สุด ซึ่ง Theme ในวันนี้คือ Urbanization ซึ่งจะได้รับผลดีจากการที่เมืองขยาย ทำให้คนต่างจังหวัดมีเงินมากขึ้น ทำให้การบริโภคภายในประเทศจะยังไปได้อีกมาก หลังจากนั้นจึงไปแสวงหาบริษัทที่จะได้รับผลดีจาก Theme นั้น หรือที่เรียกว่า Bottom up ซึ่งหาหุ้นโดยไม่ได้วิเคราะห์เฉพาะเชิงปริมาณหรือดูแค่ตัวเลขผลการดำเนินงาน แต่ดูคุณภาพด้วย โดยใช้รูปแบบของ ฟิลลิป ฟิชเชอร์ ที่ออกไปเสาะหาข้อเท็จจริงของธุรกิจ สืบค้น พูดคุยกับแหล่งข้อมูล เช่น คู่แข่ง ซัพพลายเออร์ ลูกค้า เพื่อที่จะดูให้ลึกลงไปว่าการดำเนินงานของบริษัทที่แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร

สำหรับปี 2013 นี้ทางบลจ. บัวหลวง มีความเห็นต่อการลงทุนโดยเฉพาะหุ้นว่า จริงอยู่ที่ว่าการปรับเพิ่มของราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ย่อมทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในช่วงนี้ร้อนแรงเกินไปหรือไม่ มีความเสี่ยงเพียงใดที่หุ้นจะปรับฐานลงแรงในระยะสั้น ถึงจะตอบอย่างแน่ชัดไม่ได้ แต่เมื่อนำไปเทียบกับความเร็วในการปรับตัวขึ้นของดัชนีในช่วงปลายตลาดกระทิงในอดีต เช่น ปี 1994 ปี 2003 ฯลฯ จะพบว่าตลาดขาขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้ไม่ได้ร้อนแรงมากนัก และยังมีการปรับฐานระหว่างวันเป็นระยะๆ ด้วย

นอกจากนี้ ระดับ P/E Ratio ตลาด 14 เท่า (คำนวณด้วยกำไรคาดการณ์ปี 2013) ก็ไม่ได้แพงจนเกินไปนักเมื่อเทียบกับ P/E Ratio ปี 1994 ซึ่งเป็น 19 เท่า และ P/E Ratio ปี 2003 ที่เป็น 19 เท่า และแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฯ ก็ยังมีโอกาสขยายตัวได้ต่อเนื่องอีกด้วย จึงคาดว่าหุ้นโดยรวมที่ขึ้นมาในรอบนี้ไม่ได้ร้อนแรงจนเกินไป

โดยภาพรวมแล้ว แนวทางการลงทุนในหุ้นรายตัวของเรายังคงเหมือนเดิม คือเน้นลงทุนหุ้นที่มีโอกาสเติบโตได้ดีมากกว่าลงทุนในหุ้นที่ราคาถูกแต่แนวโน้มไม่แน่นอน เรามองว่ากลุ่มอุตสาหกรรมเดิมที่ได้ลงทุนไว้ เช่น กลุ่มพาณิชย์ การขนส่งทางอากาศ ธนาคารพาณิชย์ พลังงานไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน ฯลฯ จะยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจเหล่านี้ก็ให้ผลตอบแทนดี และผลกำไรก็น่าจะเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องในระยะยาว จึงเห็นว่าตราบใดที่บริษัทที่เราลงทุนยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่ ก็ควรจะลงทุนต่อไป

นอกจากนี้ บลจ.บัวหลวง ก็ไม่ได้ผูกตัวเองกับการเอาชนะตลาด ไม่ได้ตั้งเป้าเอาชนะคู่แข่ง ไม่ได้มุ่งให้ผลงานกองทุนชนะดัชนีตลาดหุ้น แต่เรามุ่งไปที่การหาหุ้นที่จะเป็นผู้ชนะ