Awards Winner - LTF

วิกฤต Hamburger crisis ในปี 2008 ทำให้ตลาดหุ้นตกหนักถึง 40% ภายในปีเดียว กองทุนหุ้นส่วนใหญ่ก็เจอวิกฤตเดียวกัน กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ก็เช่นกัน แต่หลังจากนั้นจะเห็นได้ว่ากองทุนหุ้นต่างๆก็เริ่มทำผลตอบแทนตีตื้นกลับมาจนมาเลยจุดคุ้มทุนกันในช่วงปี 2010 หลังจากนั้นนักลงทุนที่ยังถือต่อก็คงมีความสุขกับผลตอบแทนที่ได้เป็นกอบเป็นกำกว่าเท่าตัวเมื่อ ณ ปลายปีที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ทำสร้างประการณ์ลงทุนที่ดีให้กับนักลงทุนหลายท่าน และยังเป็นการตอกย้ำถึงหลักการลงทุนในหุ้นได้เป็นอย่างดีว่า ต้องลงทุนยาว

กองทุน Bualuang Long - Term Equity Fund อาจจะไม่ใช่กองทุนที่ทำผลตอบแทนได้สูงที่สุดในกลุ่มกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) แต่ก็อยู่ในลำดับต้นๆ โดยสามารถทำผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลังได้ที่ 16.58% ต่อปี ขณะที่ค่าเฉลี่ยของกลุ่มทำได้เพียง 11.05% ต่อปี แต่สิ่งที่ทำให้กองทุน Bualuang Long - Term Equity Fund โดดเด่นกว่ากองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) กองอื่นๆก็คือ การควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่ากองทุนอื่นๆ (ในที่นี้หมายถึงความผันผวนของผลตอบแทนในแต่ละช่วงเวลา)

บลจ. บัวหลวง กล่าวว่า หลักการที่สำคัญในบริหารที่ทาง บลจ. ใช้มาโดยตลอดคือ

Good Stock + Good Trade = Good Performance อีกทั้ง การมีสไตล์การลงทุน มีมุมมองและ Investment theme ที่ชัดเจน ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้กองทุนประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุน

เราระดมความคิดจากทีมงานที่มีหลากหลายช่วงอายุ แลกเปลี่ยนมุมมองเพื่อตอบโจทย์ แสวงหาคำตอบ กับรับฟังความเห็นที่หลากหลายกันอย่างสม่ำเสมอ โดยในภาพรวม เราพิจารณา 2 ด้าน ได้แก่

1. Asset allocation หรือการกำหนดว่าสำหรับกองทุนนี้ เราจะลงทุนหุ้นรวมๆ แล้วกี่ % เราดูภาพ Macro คือสภาพเศรษฐกิจทั้งต่างประเทศและในประเทศว่าเอื้อต่อการลงทุนในหุ้นมากน้อยเพียงใด ซึ่งในวันนี้เรายังลงทุนหุ้นด้วยน้ำหนักที่มาก แม้ว่าราคาหุ้นปรับตัวมาสูง เพราะเรายังมีมุมมองที่ดีเนื่องจากยังมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ดังนั้น ตราบที่แนวโน้มหลักตลาดหุ้นยังเป็นขาขึ้น เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อๆ ขายๆ มากเพราะจะทำให้กอง ทุนเสียค่า Commission ให้โบรกเกอร์ไปเปล่าๆ และเป็นการขายแพงเพื่อไปซื้อที่แพงกว่า

2. Security selection (การเลือกหุ้น) เราดูทั้ง Top down + Bottom up ซึ่งเราหา Value stock สำหรับการลงทุนระยะยาวมากๆ + Under-owned (มีคนถือครองน้อย) + Under-covered (คนอื่นยังไม่ค้นพบ) เพราะสุดท้ายหุ้นอย่างนี้จะเป็นที่สนใจในวันหนึ่งข้างหน้า และตลาดจะรับรู้คุณค่าที่แท้จริงในที่สุด

สำหรับมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจไทย บลจ.บัวหลวง ประเมิณว่า เศรษฐกิจไทย จึงยังคงน่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในปี 2556 จากแนวโน้มการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนที่น่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ยอดการส่งออกที่หดตัวก็สามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น บรรยากาศการเมืองภายในประเทศก็ยังค่อนข้างมีเสถียรภาพ และปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่กำลังมีแนวโน้มดีขึ้นนั้นก็ไม่น่าจะพลิกกลับไปแย่ลงมากๆ ในระยะสั้นๆ ดังนั้น โดยภาพรวม จึงไม่น่าจะมีปัจจัยลบที่จะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรง อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยต่างๆ ที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก ดังนั้น การลงทุนโดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีจะช่วยลดความเสี่ยงจาก ‘ความเสี่ยงร้อยแปดประการที่ไม่ได้คาดคิด’ ได้ระดับหนึ่ง

ท้ายนี้ บลจ.บัวหลวง ยังฝากข้อคิดดีๆถึงผู้ลงทุนต่อเรื่องการใช้กองทุนเป็นเครื่องมือหนึ่งเพื่อการวางแผนเกษียณอายุ ว่า ทุกคนสามารถใช้กองทุนรวมเป็นเครื่องมือการลงทุนได้ โดยเฉพาะการวางแผนเพื่อการเกษียณอายุ เพราะผู้ลงทุนจะลงทุนระยะยาวจึงสอดคล้องกับหลักการลงทุนในกองทุนรวม เพราะพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลนั้นจะมีความแตกต่างกันจากพื้นฐานครอบครัว ฐานะการเงิน การศึกษา การใช้ชีวิต ความต้องการ และการยอมรับความเสี่ยงได้ของแต่ละบุคคล